... เริ่มต้นปฏิบัติธรรมกันอย่างไร ?? (ตอนที่ 19)
...
ผู้สนใจศึารษาเรียนรู้ โทร. 089 - 766 - 2373
E-Mail :
karagetu@hotmail.com
ID Line : karagetu
...
อาหารจานที่ 3 การมีสัทธา ... (ต่อ) ...
... เริ่มที่ข้อ 2.ปฏิบัติอย่างไรจึงได้ชื่อว่า ... มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระธรรม ??
3.ปฏิบัติอย่างไรจึงได้ชื่อว่า ... มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระสงฆ์ ??
4.ปฏิบัติอย่างไรจึงได้ชื่อว่า ... มีศีลอริยะ ??
2.ปุจฉา ??
ปฏิบัติอย่างไรจึงชื่อว่ามีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระธรรม ?
วิสัชฌนา .....
พระธรรมคือ โอปนยิโก แปลว่าน้อมเข้ามาใส่ตน
น้อมอะไรเข้ามาใส่ตน? ก็น้อม วิชชาและจรณะนั่นแหละเข้ามาใส่ตน
เรามีวิชชาและจรณะ
เรียกว่าเราเชื่อพระพุทธเจ้า มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระธรรม
...
3.ปุจฉา ??
ปฏิบัติอย่างไรจึงชื่อว่ามีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระสงฆ์ ?
วิสัชฌนา .....
พระสงฆ์คือผู้ปฏิบัติดี เรามีวิชชาและจรณะ เรียกว่าเราปฏิบัติดี
พระสงฆ์คือผู้ปฏิบัติตรง เรามีวิชชาและจรณะ เรียกว่าเราปฏิบัติตรง คือ มัคค 4 ตรงกับ ผล 4 ปฏิบัติอย่างอื่นไม่ตรงกับผล 4
พระสงฆ์คือผู้ปฏิบัติสมควร เรามีวิชชาและจรณะ เรียกว่าเราปฏิบัติสมควรแก่ธรรม มัคค4 สมควรแก่ผล 4
พระสงฆ์คือผู้ปฏิบัติเพื่อปัญญาญาณ เรามีวิชชาและจรณะ เรียกว่าเราปฏิบัติเพื่อปัญญาญาณ คือมัคคญาณ ผลญาณ เป็นคู่บุรุษ 4 คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ 8 บุรุษ
เรามีวิชชาและจรณะ
เรียกว่าเราเชื่อพระพระสงฆ์ มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระสงฆ์
4.ศีลอริยะ ??
เรามีวิชชาและจรณะ
เรียกว่า เรามีศีลอริยะ เป็นศีลที่ก่อให้เกิดสมาธิ เป็นศีลที่เป็นองค์แห่งมรรคนับเนื่องในมรรค เป็นศีลของพระอริยเจ้า
...
... เรามาดูความต่างระหว่าง ศีล 5 และศีลอริยะกันหน่อยหนึ่ง ...
แม้ศีลทั้ง 2 แบบ จะเป็นไปเพื่อการเว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการเสพสิ่งเสพติดมึนเมา เหมือน ๆ กัน
เรามาดูกันว่า ศีลทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร ??
ศีล 5 จะมีได้ก็ต่อเมื่อ ...
1.มีการสมาทาน (เจตนางดเว้น)
2.จิตเป็นกามาวจรกุศลจิต มีโสมนัส และมีญาณรู้ (ตามที่ทุกท่านเคยฟังตอนพระสวดอภิธรรมในงานศพ)
3.ต้องลงมือเจริญเบญจธรรม 5 (มีสัมมาวายามะ)
มี 3 ประการนี้ ศีล 5 จึงจะมีได้ อยู่เฉย ๆ หรือนอนหลับ ไม่ทำอะไรเลย คนแบบนั้นไม่มีศีล 5 หรอกนะ แค่ทำไม่ผิดศีล 5 เท่านั้น
... การไม่กระทำผิดศีล 5 ไม่ได้หมายความว่าท่านมีศีลหรอกนะ ต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อท่านจึงจะเป็นผู้มีศีล 5
...
ศีลอริยะ จะมีได้ก็ต่อเมื่อ ...
1.มีเจตนาเจริญฌานเป็นโลกุตตระ
2.จิตเป็นโลกุตตระกุศลจิต และจิตนั้น
3.สัมมาทิฏฐิ เพียงพอต่อ สัมมาสังกัปปะ, สัมมาสังกัปปะ เพียงพอต่อ สัมมาวาจา, สัมมาวาจา เพียงพอต่อ สัมมากัมมันตะ, สัมมากัมมันตะ เพียงพอต่อ สัมมาอาชีวะ ...
... ตรงนี้เป็นเส้นทางแห่ง สัมมาวายามะของโลกุตตระกุศลจิต
ปุจฉา ??
อะไรเป็นตัวชีวัดว่าท่านมีศีลอริยะ ??
วิสัชฌนา .....
... การมีสัมมาอาชีวะได้ นั่นแหละ เป็นตัวชี้วัดว่าท่านมีศีลอริยะ
สัมมาอาชีวะ เป็นการเลี้ยงชีพชอบ ของโลกุตตระกุศลจิต นะครับ
นั่นหมายความว่า “โลกุตตระกุศลจิต” นั้นสามารถรับประทานเป็นหารได้
รับประทานอย่างไร ??
... ก็การเข้าสามาบัติ 3 ได้แก่ การเข้าฌานสมาบัติ 1 ผลสมาบัติ 1 และสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ 1
... เช่น การเข้าโสดาปัตติผลสมาบัติ 7 วันแล้วกินข้าวทีหนึ่ง ทำได้อย่างนี้ นั่นแหละ เป็นดัชนีชี้วัดว่าท่านมี “สัมมาอาชีวะ” และท่านมีศีลอริยะแล้วนั่นเอง
...
การปฏิบัติอย่างนี้ คือเรามีวิชชาและจรณะ เรียกว่า เจริญโสดาปัตติยังคะ 4
...
พระสกทาคามีละ ?? ก็วิชชาและจรณะ
พระอนาคมีละ ?? ก็วิชชาและจรณะ
พระอรหันต์ละ ?? ก็วิชชาและจรณะ
เพียงแต่ มีวิชชาและจรณะเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ใช้วิชชาและจรณะนั้นทำลายสังโยชน์จนหมดสิ้น
เพราะฉะนั้น ... ใครมี “วิชชาและจรณะ” บุคคลนั้น เรียกว่า บุคคลผู้ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ท่านทั้งหลาย
1. ... มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระพุทธเจ้า
2. ... มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระธรรม
3. ... มีสัทธาหยั่งลงมั่นในพระสงฆ์
4. ... มีศีลอริยะ
และ ศีลอริยะ นี้นั่นแหละเป็นตัวชี้วัดว่า “ท่านมีสัทธาหยั่งลงแล้ว” พร้อมทั้งรับประกันว่า อาหารจานที่ 1-2-3 นี้อร่อยที่สุดในโลก
... รอพบกับอาหารจานที่ 4 ต่อไปนะครับ
...
สวัสดียามบ่ายครับ
ขอให้ทุกท่านจงรุ่งเรืองและยั่งยืน