ค้นหาในเว็บไซต์ :

พระพุทธวรญาณ (ทองย้อย กิตฺติทินฺโน)

 ธรรมะไทย  


"พระเถระผู้ใหญ่ฝ่ายคันถธุระ คณะคามวาสี ซึ่งป็นฝ่ายที่มุ่งศึกษาพระปริยัติธรรม หรือพระไตรปิฎก แล้วทำการอบรมสั่งสอน"

ประวัติ : พระพุทธวรญาณ (ทองย้อย กิตฺติทินฺโน) วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี
นามเดิม : ทองย้อย บัวอ่อน

กำเนิด : 1 มกราคม พ.ศ. 2448
สถานที่เกิด : ตำบลโพธิ์ผีให้ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
บรรพชา : บรรพชาเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี สอบได้เป็นสามเณรเปรียญ (ป.ธ.๓) เมื่ออายุ ๑๘ ปี และปีต่อมาสอบได้นักธรรมโท
อุปสมบท : อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดมหาธาตุฯ มีพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เฮง เขมจารี) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ ขณะนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์, พระญาณสมโพธิ (สวัสดิ์ กิตติสาโร) วัดมหาธาตุฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระศรีสมโพธิ (ช้อย ฐานทัตโต) วัดมหาธาตุฯ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ธรรมศึกษา : ปริญญาพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาครุศาสตร์) เมื่อปีพ.ศ. 2526 , เปรียญธรรม 8 ประโยค นักธรรมชั้นเอก
สมณศักดิ์ : พระพุทธวรญาณ
ตำแหน่ง : อดีตเจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร เจ้าคณะตรวจการภาค 6
มรณภาพ : วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ สิริอายุ ๘๗ ปี ๑๑ เดือน ๑๗ วัน

พระพุทธวรญาณ ฉายา กิตฺติทินฺโน เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองฝ่ายมหานิกาย ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์ เช่น เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี และเจ้าคณะตรวจการภาค 6 อีกทั้งเป็นผู้ก่อตั้ง โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ จังหวัดลพบุรี

พระพุทธวรญาณ มีนามเดิมว่า ทองย้อย บัวอ่อน (หลังจากเป็นพระราชาคณะแล้ว ได้เปลี่ยนนามเดิมเป็นกิตติตามนโยบายรัฐนิยม) เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2448 เมื่ออายุ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร แล้วอุปสมบทเป็นภิกษุเมื่ออายุครบ 20 ปี และได้ศึกษาปริยัติธรรมสำนักวัดมหาธาตุ ฯ กรุงเทพ

ภายหลังอุปสมบท ยังคงศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติหน้าที่เป็นครูสอนนักธรรมบาลีไปพร้อมกันและสอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ อายุ ๒๖ ปี ต่อจากนั้นป่วยไม่ได้เข้าสอบประโยค ๙ ทั้งที่มุ่งมั่นเต็มที่
พ.ศ. ๒๔๗๖ สมเด็จพระวันรัต(เฮง เขมจารี) ได้จัดส่งกลับจังหวัดลพบุรี เพื่อปฏิบัติศาสนกิจ ในยุคที่คณะสงฆ์ได้พัฒนาการพระศาสนาเป็นการใหญ่ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพรหมมาสตร์ ต่อมาเป็นเจ้าคณะหมวดหรือเจ้าคณะตำบลพรหมมาสตร์ ผู้ช่วยเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง และเจ้าอาวาสวัดเชิงท่า ปฏิบัติงานทางด้านการศึกษาของคณะสงฆ์ การบริหารและการเผยแผ่ในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียง และยังเป็นครูสอนหนังสือตามโรงเรียนต่างๆ นับตั้งแต่โรงเรียนประจำจังหวัด

งานด้านการปกครองคณะสงฆ์ที่สำคัญ คือ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค ๒ รูปที่ ๓ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ต่อจากนั้น เป็นเจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค ๑ รูปที่ ๑ เป็นกรรมการ เจ้าคณะตรวจการภาค เป็นกรรมการบริหารคณะสงฆ์ไทย เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค ๖ เป็นสมาชิกสังฆสภา และตำแหน่งท้ายสุดเป็นเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี และประธานกรรมการบริหารคณะสงฆ์ จังหวัดลพบุรี

ท่านเป็นครูสอนวิชาการด้านศาสนา ศีลธรรม ภาษาไทย ในโรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย โรงเรียนฝึกหัดครูประถม วิทยาลัย และโรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดลพบุรี เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตสาย ๒ อำนวยการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอบรมศีลธรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี และอุทัยธานี เป็นวิทยากรในการอบรมและประชุมต่างๆ ของหลายหน่วยงานในจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียง
บรรยายธรรมแก่ข้าราชการทหาร และสถาบันการศึกษาทุกแห่งในจังหวัดลพบุรี เป็นประจำที่ปรึกษาด้านการศึกษาของจังหวัด สถาบัน และโรงเรียนหลายแห่ง เป็นกรรมการที่ปรึกษาของสภานายกมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร ผู้เป็นกำลังยิ่งใหญ่ในงานทางพระพุทธศาสนา และกิจการของคณะสงฆ์รวมทั้งงานการศึกษาและการสาธารณสุขของสังคม สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาครุศาสตร์) เมื่อปี พ.ศ. 2526


13






จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย