พระโมฆราชเถระ

ประวัติ : พระโมฆราชเถระ

   ท่านพระโมฆราช เป็นบุตรพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี เมื่อเจริญวัยแล้วได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล เพื่อศึกษาศิลปวิทยาตามประเพณีพราหมณ์

    ครั้นพราหมณ์พาวรีมีความเบื่อหน่ายในฆราวาส ได้ทูลลาพระเจ้าปเสนทิโกศลออกจากหนย้าที่ปุโรหิต ออกบวชเป็นชฎิลประพฤติตามลัทธิของพราหมณ์ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ที่พรหมแดนแห่งเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะติดต่อกัน เป็นคณาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ โมฆราชมาณพพร้อมกับมาณพสิบห้าคนออกบวชติดตามไปอยู่ด้วย และอยู่ในมาณพ 16 คน ที่พราหมณ์พาวรีได้ผูกปัญหาให้ไปทูลถามพระบรมศาสดาที่ปาสาณเจดีย์ แคว้นมคธ

     โมฆราชมาณพ ปรารภจะทูลถามปัญหาเป็นคนที่สอง เพราะถือว่าตนเองเป็นคนมีปัญญาดีกว่ามาณพทั้งสิบหกคน คิดจะทูลถามปัญหาก่อน แต่เห็นว่าอชิตมาณพเป็นผู้ใหญ่กว่า และเป็นหัวหน้า จึงยอมให้ทูลถามปัญหาก่อน

    พระบรมศาสดาจึงตรัสห้ามว่า โมฆราช ท่านรอให้มาณพอื่นได้ทูลถามปัญหาก่อนเถิด โมฆราชก็หยุดอยู่ แต่หลังจากที่มาณพคนอื่น ๆ ได้ทูลถามปัญหาเป็นคนที่เก้าอีก พระบรมศาสดาก็ทรงห้ามไว้ โมฆราชก็ยับยั้งนิ่งอยู่ รอให้มาณพอื่นทูลถามถึงสิบสี่คนแล้ว จึงทูลถามปัญหาเป็นคนที่สิบห้าว่า

     ข้าพระองค์ได้ทูลถามปัญหาถึงสองครั้งแล้ว พระองค์ไม่ทรงแก้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ยินว่า ถ้าทูลถามถึงสามครั้งแล้วพระองค์จะทรงแก้ จึงได้ทูลถามปัญหา เป็นคนที่สิบห้าว่า โลกนี้ก็ดี โลกอื่นก็ดี พรหมโลกกับเทวโลกก็ดีย่อมไม่ทราบความเห็นของพระองค์ เหตุฉะนี้ จึงมีปัญหามาถึงพระองค์ผู้ทรงพระปรีชาเห็นล่วงสามัญชนทั้งปวงอย่างนี้ ข้าพระองค์พิจารณาเห็นโลกอย่างไร มัจจุราช (ความตาย) จึงจะไม่แลเห็น คือ จะตามไม่ทัน ?

     พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นคนมีสติ พิจารณาเห็นโลกโดยความเป็นของว่างเปล่า ถอนความเห็นว่า ตัวของเราเสียทุกเมื่อเถิด ท่านจะพ้นจากมัจจุราชได้ด้วยอุบายอย่างนี้ ท่านพิจารณาเห็นโลกอย่างนี้แล มัจจุราชจะไม่แลเห็น

     พระบรมศาสดาทรงแก้ปัญหาจบลงแล้ว โมฆราชมาณพได้บรรลุพระอรหัตตผล

    ครั้นพระองค์ทรงพยากรณ์ปัญหาที่ ปิงคิยมาณพทูลถามจบลงแล้ว โมฆราชมาณพพร้อมมาณพอีกสิบห้าคน ทูลขออุปสมบท ในพระธรรมวินัย พระองค์ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา

     ท่านพระโมฆราช เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ท่านยินดีในการครองจีวรเศร้าหมอง ด้วยเหตุนี้ จึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ทรงจีวรเศร้าหมอง

    ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย