ท่านพระเมฆิยะ มีชาติภูมิเป็นมาอย่างไร เป็นบุตรใคร เกิดในตระกูลไหน เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเมื่อไร อยู่ในสำนักของใคร ที่ไหน ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอน เรื่องราวของท่านที่ปรากฏในปกรณ์นั้น ๆ ก็กล่าวถึงเรื่องที่ท่านได้อุปสมบทมาแล้วเท่านั้น
ตามประวัตินั้น ปรากฏว่าท่านได้เคยเป็นผู้อุปัฏฐากพระบรมศาสดาด้วยองค์หนึ่ง ซึ่งมีปรากฏในเรื่องอุทานหน้า ๑๐๔ มีข้อความว่า ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ จาลิกบรรพตในกรุงจาลิกามีท่านพระเมฆิยะเป็นอุปัฏฐาก วันหนึ่งท่านพระเมฆิยะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลลาพระองค์เข้าไปบิณฑบาตในชันตุคาม
เมื่อได้รับพระบรมพุทธานุญาตแล้ว เวลารุ่งเช้าได้เข้าไปบิณฑบาตในบ้านนั้น เมื่อเวลากลับจากบิณฑบาตเดินมาตามริมฝั่งแม่น้ำกิมิกาฬา ได้เห็นสวนมะม่วงมีอากาศร่มเย็นเป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ ใคร่จะกลับมาทำความเพียรที่สวนนั้น
ครั้นกลับมาแล้วจึงเข้าไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาค พระองค์ตรัสห้ามว่า ดูกรเมฆิยะ เธอจงรอก่อน ดังนี้ ถึง ๓ ครั้ง ท่านพระเมฆิยะไม่เชื่อฟัง กราบทูลลาแล้วลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายบังคมพระองค์แล้วหลีกไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่สวนมะม่วงนั้น
ในการบำเพ็ญเพียรของท่าน ก็หาได้สำเร็จมรรคผลตามความประสงค์ไม่ เพราะท่านถูกวิตก ๓ เข้าครอบงำ จึงกลับมาเฝ้ากราบทูลเนื้อความนั้นให้พระองค์ทรงทราบ พระองค์จึงตรัสสอนวิธีระงับวิตก ๓ ประการนั้น โดยอเนกปริยาย
ชั้นต้น ตรัสสอนให้ตั้งอยู่ในธรรม ๕ ประการ คือ
๑. เป็นผู้มีกัลยาณมิตร
๒. เป็นผู้มีศีลสำรวมในพระปาติโมกข์
๓. เป็นผู้พูดวาจาเป็นสุภาษิต (วาจาที่ขัดเกลา คือ พูด แล้วไม่นำมาซึ่งโทษมีแต่จะนำมาซึ่งประโยชน์โดยส่วนเดียว)
๔. เป็นผู้มีความเพียรความบากบั่น
๕. เป็นผู้มีปัญญา
และพระองค์ตรัสให้บำเพ็ญธรรมอีก ๔ ประการ คือ
- อสุภะ เพื่อจะได้ละซึ่งราคะ ๑
- เมตตา เพื่อจะได้ละพยาบาท ๑
- อานาปานสติ เพื่อจะได้ตัดเสียซึ่งวิตก ๑
- อนิจจสัญญา เพื่อจะได้ถอนอัสมิมานะเสียได้เด็ดขาด ๑
ท่านพระเมฆิยะตั้งอยู่ในโอวาทที่พระบรมศาสดาตรัสสั่งสอน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพียรพยายามบำเพ็ญสมณธรรม ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล เป็นพระอรหันต์ซึ่งนับเข้าในพระสาวกผู้ใหญ่องค์หนึ่ง ในจำนวน ๘๐ องค์
ท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยกาลอันสมควรแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน