พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร
วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร
แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ



แบบเดียวกับหลวงพ่อสอนสมาธิ เวลานี้หลวงพ่อก็เป็น "สมาธิไฮเทค" ไปแล้ว โยมที่มาปฏิบัติสมาธิง่ายเกิน ปอกกล้วยเลย แต่ก่อนโยมจะมาทำสมาธินี่ต้องมีท่ามีทางเยอะ ต้องอดไอ้นั่น ต้องไม่มีไอ้นี่ ต้องทำให้นั่งจนให้ได้ นั่งทางนี้ก็ไม่ได้ พูดกันก็ไม่ได้ โอ๊ย มันยุ่งกันใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้จะคุยกันน่ะหลวงพ่อบอกว่าให้คุยกันให้เต็มที่เลย เวลาจะมาทำสมาธิ โอ้โหย..เสียงคุยกันน่ะโห แหม นั่นดี..เพราะอะไร เพราะเวลาที่เราคุยกันมีอะไรเราเอาออกมาหมด ไม่ขังไม่เก็บไว้ ออกมาหมดแล้วก็นั่งสมาธิก็ได้เลย แต่ก่อนเนี่ย ..อุ๊บ...จะพูดก็..อุ๊บ..อย่างนี้....อาจารย์เขาไม่ให้พูด และก็เก็บเอาไว้เยอะ ไอ้อารมณ์ต่างๆมันไม่ได้ออก มันก็เก็บรวมๆ หมกเข้า หมกเข้า หมกเข้า บางทีไอ้อารมณ์พวกนั้นมันก็เก็บไว้นานมันก็บูดเป็นเหมือนกันนะอารมณ์เนี่ย พอมันบูดแล้วพอไปนั่งสมาธิแล้วมันก็นึก..นึกไอ่ที่เราเก็บเอาไว้ในเนี่ย นึกยังไม่หมดเลย สมาธิเลิกแล้ว เลยไม่ได้เลยสมาธิ

ทีนี้อย่างของหลวงพ่อ คุยกันเสร็จ มีอะไรคุยไปเลย บอกเลยโยมไม่ต้องยั้งว่างั้น พอคุยเสร็จแล้วมันหมดน่ะ พอนั่งปุ๊บได้ปั๊บ สามสิบนาทีได้เต็มเปี๊ยบเลย อันนั้นนั่งตั้งสองชั่วโมงยังแก้อารมณ์ไม่หมด มันเยอะหมักเอาไว้ อันนี้เขาเรียกว่า "ไฮเทค" หมายความว่า "เราทำน้อย..แต่ได้มาก" เขาถึงเรียกว่า ไฮเทค แบบเดียวกับที่เขาไปขุดสระ สระน้ำเนี่ยลึก ๒ เมตร กว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร สี่เหลี่ยมลึก ๒ เมตร ใช้คน ๕๐๐ ขุดเดือนนึงยังไม่เสร็จ เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้คนห้าร้อยแล้ว เขาใช้คนเดียวแล้วก็ขุดอาทิตย์เดียวเท่านั้นเสร็จเรียบร้อย เพราะว่าเขาเอาแบคโฮไปตัก นี่เขาเรียกว่า ไฮเทค

อย่างหลวงพ่อบอกว่า เออ คุยกันเท่าไรคุยกันไปเลย ถ้าไม่มีอะไรจะคุยก็หาเรื่องคุยเอา แล้วในที่สุดมันก็ไม่มีอะไรค้า่งในใจ แล้วเวลาคนที่มาทำสมาธิกับหลวงพ่อ ได้ปฐมฌานกันทุกคน หลวงพ่อการันตีได้กันหมด อย่างที่เขาไม่พูดไม่อะไร นั่งได้ตั้งสามชั่วโมงน่ะ บางทีไม่รู้กี่เดือนก็ยังไม่ได้ปฐมฌาน เพราะอะไร เพราะหมกเอาไว้เกิน อารมณ์นี่มันหมกได้นะ อารมณ์ของคนเรานี่มันหมก พอหมกไปหมกมามันเป็นอะไรที่เขาเรียกว่า "จุดดำ" จุดดำมันเกิดขึ้น ถ้าจุดดำเกิดขึ้นล่ะยุ่งใหญ่ล่ะ ถ้ามันยังไม่ถึงจุดดำมันก็ไม่ค่อยยุ่งเท่าไร ถ้าถึงจุดดำเมื่อไรก็ยุ่งล่ะ ทำไมมันถึงจุดดำ ก็เราลองคิดดูว่า ไอ้เวลาของมันบูดเนี่ย ของมันบูดเนี่ยมันจะเน่าๆมันจะเปลี่ยนสี สีมันจะไม่น่าดู หลวงพ่อเห็นหนามมันปักเท้า เวลาเดินแต่ก่อนไม่ใส่เกือกนะ เดินเท้าเปล่าอย่างนี้ หนามมันก็ปัก ปักลงไปแล้ว ไอ้ปักทีแรกนี่มันไม่มีสีดำน่ะ พอไปสักอาทิตย์นึงเนี่ยมันจะสีดำเกิดขึ้น ต้องเข็มบ่งกว่ามันจะออกอย่างนี้

เพราะฉะนั้นอารมณ์ต่างๆนี่ถ้าเรามีการกลั่นกรอง อารมณ์ก็คือเป็นสิ่งที่ทำให้เราสำเร็จได้ เพราะอะไร เพราะว่า เวลาที่เรานึกพุทโธนี่ก็คืออารมณ์ แต่ว่าเป็นอารมณ์ที่ดี เพราะ พุทโธ แปลว่า ความบริสุทธิ์ พอพุทโธมากเข้าๆ จิตมันก็ถอนอารมณ์ได้ อารมณ์มีเท่าไรๆนี่มันก็ถอนออกหมด ถอนออก เมื่อมันถอนออกแล้วเนี่ย มันก็เกิดจุดขาว เปลี่ยนจากจุดดำเป็นจุดขาว พอเปลี่ยนจากจุดดำเป็นจุดขาวได้เมื่อไรเนี่ยสมาธิก็เกิด เมื่อสมาธิเกิด พลังจิตก็เกิด เมื่อพลังจิตเกิด เราก็ได้อานิสงส์จากพลังจิตนี่ ๓ ประการ คือ

๑.การรับผิดชอบก็สูงขึ้น

๒.เหตุผลก็มีขึ้น

๓.เมตตาก็มากขึ้น มีการอภัย อภัยกันได้

แต่คนที่เอาอารมณ์เก็บไว้เยอะๆนี่ก็มันหมกเอาไว้นี่ มันก็กลายเป็นจิตที่ผูกพยาบาท อาฆาตจองเวร มันจะมีไปหมดแหละในจุดดำนั้นมันจะเก็บไว้หมดทุกอย่างไอ้ของไม่ดีมันจะเก็บเอาไว้ เขาเรียกว่า อารมณ์บูด มันเก็บเอาไว้ เก็บไว้แล้วก็เป็นเชื้อโรค น้ำที่เราดื่มเข้าไปเนี่ยถ้าหากว่าไม่ได้กรองสักหน่อยมันจะมีเชื้่อโรค แล้วเชื้อโรคเป็นอะไร เป็นไวรัสบ้าง แบคทีเรียบ้าง สารพัด มันไปรบกวนสมอง คนสมองดีๆเนี่ยถ้าหากว่าอารมณ์บูดมากเกินไป สมองดีก็ช่วยอะไรไม่ได้ให้กลายเป็นคนวิตกจริต คนที่เรียกว่า วิตกจริตเนี่ยเห็นไม้มันไอ้ต้นไม้มันไหว ลมมันพัดมันก็ดังครูกครากๆๆอะไรอย่างนี้ มันก็หาว่าผีซะ ผีมาหลอก นั่นล่ะก็ถือว่าอารมณ์มันแปรปรวนแล้ว แท้ที่จริงน่ะลมพัดใบไม้ มันไม่ใช่ผีใช่แผอะไรเลยแต่ว่าเมื่ออารมณ์มันบูดแล้วเนี่ยมันเป็นจุดดำแล้วเนี่ย มันก็คิดไป เห็นคนเดินมามันก็นึกว่าไอ้คนนี่มันจะมาว่าเรา มันเหมือนกับวัวสันหลังหวะ เห็นอีกาบินมาแต่ไกลก็กระโดดแล้ว มันเป็นอย่างนั้น