"อย่าไปเพ่งเล็งแก้กิเลสผู้อื่น" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"อย่าไปเพ่งเล็งแก้กิเลสผู้อื่น"
" .. การละกิเลสยากมาก เพราะเหตุใดหรือแม้พิจารณาให้ดีย่อมได้รับความเข้าใจพอสมควรว่า "การละกิเลสยากมาก เพราะพากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง" กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้ จนบดบังแสงแห่งพระพุทธศาสนา แสงแห่งพระธรรมคำทรงสอนในสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้นทุกเวลานาที
"อย่าไปมุ่งเพ่งเล็งแก้กิเลสของผู้อื่น" แม้ปรารถนาเป็นผู้พ้นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากกิเลสเพราะการเพ่งเล็งแก้กิเลสผู้อื่นนั้น นอกจากจะไม่ทำให้กิเลสของตนเบาบางห่างไกลออกไป ยังจะเพิ่มกิเลสของตนให้มากขึ้น
"กิเลสของใครคนใด ใครคนนั้นต้องแก้" ไม่ใช่คนอื่นจะไปแก้ให้ได้ สมเด็จพระบรมครูยังทรงมีพระพุทธดำรัสไว้ว่า "ทรงเป็นผู้ชี้ทางให้" ผู้ปรารถนาแห่งจุดหมายปลายทาง "ต้องปฏิบัติดำเนินไปด้วยตัวเอง" มิได้มีพระพุทธดำรัสไว้ว่า ต้องพากันช่วยพระพุทธองค์ชี้คนอื่นให้เดิน โดยตนเองยังไม่ได้เดินทางสายนั้นจนบรรลุจุดหมายปลายทางแล้ว ผลสำเร็จจะเกิดไม่ได้
ดังนั้น "แม้คิดจะไปเพ่งโทษคนอื่น คือคิดไปแก้กิเลสของคนอื่นนั้นเอง" ก็พึงมีสติรู้ให้เร็วที่สุดว่า "กำลังทำไม่ถูก ที่ถูกคือต้องแก้กิเลสของตนเอง" กิเลสของตนเองของทุกคนที่ทุกคนควรแก้ของตนเอง "ไม่ใช่ไปมุ่งแก้ของคนอื่น" คนนั้นก็ไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนี้ เช่นนี้ไม่มีทางที่ตนจะถึงความสุขได้ .. "
"แส่งส่องใจ" เมษายน ๒๕๔๘
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11655