"การสร้างสมบารมีเป็นอริยทรัพย์" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"การสร้างสมบารมีเป็นอริยทรัพย์"
" .. ท่านทั้งหลายที่ได้เคยยิ่งใหญ่ "ด้วยยศศักดิ์อำนาจ วาสนาและทรัพย์สมบัติในอดีตกาล จนเป็นถึงมหาจักรพรรดิ" มีสมบัติสร้างสมมาด้วยเลือดและน้ำตาของผู้อื่นจนค่อนโลก "แต่แล้วในที่สุดก็ต้องทิ้งต้องจากสิ่งเหล่านี้ไป" แม้แต่เนื้อตัวร่างกายของท่านที่เคยยิ่งใหญ่ จนถึงกับเป็นผู้ที่ไม่อาจจะแตะต้องได้ แต่แล้วก็ต้องทอดทิ้งจมดินและทราย
จนในที่สุดก็สลายไปจนหาไม่พบว่า "เนื้อ หนัง กระดูก ขน เล็บ ตับ ไต ไส้ กระเพาะของท่านว่าอยู่ที่ตรงไหน" คงเหลืออยู่แต่สิ่งที่เป็นดิน น้ำ ลม และไฟ ตามสภาพเดิมที่ก่อกำเนิดมาเป็นตัวของท่านเพียงชั่วคราวเท่านั้น "แล้วตัวของเราท่านทั้งหลายก็เพียงเท่านี้มิได้ยิ่งใหญ่เกินไปกว่าท่านในอดีต" จะรอดพ้นจากสัจธรรมนี้ไปได้หรือ
ในเมื่อความเป็นจริงก็เห็น ๆ กันอยู่เช่นนี้แล้ว "เหตุใดเราท่านทั้งหลายจึงต้องพากันดิ้นรนขวนขวายสะสมสิ่งที่ในที่สุดก็จะต้องทิ้ง จะต้องจากไป" ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายวันเวลาอันมีค่าของพวกเรา "ซึ่งก็คงมีไม่เกินคนละ ๑๐๐ ปี" ให้ต้องโมฆะเสียเปล่าไปโดยหาสาระประโยชน์อันใดมิได้
"เหตุใดไม่เร่งขวนขวายสร้างสมบุญบารมีที่เป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐ์ ซึ่งจะติดตามตัวไปได้ในชาติหน้า" แม้หากว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีจริงดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ "อย่างเลวพวกเราก็เพียงเสมอตัว มิได้ขาดทุนแต่อย่างใด"
หากสิ่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนเอาไว้ว่า "มีจริงดั่งที่ปราชญ์ในอดีตกาลยอมรับ" แล้วเราท่านทั้งหลายไม่สร้างสมบุญและความดีไว้ "สร้างสมแต่ความชั่วและบาปกรรมตามติดตัวไป" เราท่านทั้งหลายไม่ขาดทุนหรอกหรือ เวลาในชีวิตของเราที่ควรจะได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ กลับต้องโมฆะเสียเปล่าก็สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็น "โมฆะบุรุษ" โดยแท้ .. "
"การสร้างบารมี"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร