"กรรมเป็นสิ่งน่ากลัวเช่นนี้" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)

 วิริยะ12  

.
"กรรมเป็นสิ่งน่ากลัวเช่นนี้"

" .. เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว "ไปเยี่ยมพระรูปหนึ่งที่ต่างจังหวัด มีญาติโยมติดตามไปด้วยหลายคน" ไปถึงกุฏิพระรูปนั้นเมื่อพลบค่ำ เปิดไฟในกุฏิแล้ว เมื่อนั่งเรียบร้อย ยังไม่ทันได้ทักทายปราศรัยกันอย่างใดห้องข้าง ๆ กันที่ประตูปิดอยู่ก็เปิดผางออกด้วยแรงผลัก

"มีหมาไม่เล็กนักตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องนั้น" อย่างเร่งร้อนและไม่ทันที่ใครจะรู้ตัว "เจ้าหมานั้นก็ปราดเข้าไปถึงญาติโยมผู้หนึ่งที่ติดตามไปด้วย" พอถึงตัวญาติโยมผู้นั้น "ก็ซุกหัวลงกับตัก แล้วล้มตัวลงนอนนิ่ง อย่างเป็นที่น่าพิศวงนัก"

"พระเจ้าของกุฏิที่จ้องมองอยู่อุทานออกมาด้วยเสียงประหลาดใจและอธิบายให้ได้ยินทั่วกันว่า หมาตัวนั้นเป็นหมาดุมาก" ท่านจึงขังไว้ในห้องเมื่อรู้ว่าจะมีผู้มาถึงกุฏิ เมื่อมันดันประตูออกมานั้นท่านตกใจมากแล้ว "ท่านก็ต้องประหลาดใจในอาการกิริยาที่เจ้าหมานั้นแสดงต่อญาติโยมผู้ไปเยือน" แที่มิได้เคยรู้จักกับท่านเจ้าของกุฏิมาก่อน

มิได้เคยไปที่กุฏินั้นมาก่อน จึงไม่เคยรู้จักกับหมาตัวนั้นมาก่อนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นได้หรือไม่ "ที่ครั้งหนึ่งในชาติหนึ่งคนกับหมาตัวนั้นจะเคยมีความเป็นมิตรสนิทสนมกัน" เมื่อรู้ว่าคนคนนั้นมาถึงที่พัก ก็ตื่นเต้นดีใจไม่ยอมถูกกักขัง ลิงโลดไปทักทายปราศรัยในทันที บางทีจะเป็นจริงเช่นนี้ ทั้งสองอาจจะเคยเป็นคน เป็นเพื่อนรักชอบกัน

"คนหนึ่งมาตายจากไป" และด้วยอำนาจแห่งกรรมที่ต้องได้กระทำไว้แน่ "ควรแก่การต้องเกิดเป็นหมา ก็ต้องเป็นไปตามกรรม ขณะที่คนหนึ่งยังเป็นคน อีกคนหนึ่งเป็นหมาไปเสียแล้ว"

"กรรมน่ากลัวเช่นนี้ นี่มิใช่การขู่" แต่เป็นการพยายามคิดให้อาจเป็นจริงได้ นั่นก็คือ แม้เราไม่ระวังให้ดีที่สุด วันหนึ่งเมื่อตายไปจากโลกนี้ "อาจจะไปมีชีวิตใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน เช่นเป็นหมาขี้เรื้อนตัวนั้นก็ได้ หรือถึงเป็นหมาแสนสวยอีกตัวหนึ่งก็ดี ก็ตาม" ก็ยังหาใช่สิ่งควรยินดีพอใจไม่ มิใช่หรือ .. "

"แสงส่องใจ" วันวิสาขบูชา ๒๕๔๓
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร

5,652







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย