"การขอโทษ แก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"การขอโทษ แก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้"
" .. "การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง" และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่า "การขอโทษ คือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด"
เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด "อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน" แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น "ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้" เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน
"อภัยทานก็คือการยกโทษให้" คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ "อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ" เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ
"โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน" โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด "แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง" จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น .. "
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร