"เป็นไข้มาลาเรีย" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
.
"เป็นไข้มาลาเรีย"
" .. ครั้งหนึ่ง "ท่านพระอาจารย์ได้ไปกับท่านพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ" ออกธุดงค์ เที่ยววิเวกไปทางบ้านคลองไผ่ ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ไปถึงบ้านหนองบัว "พระอาจารย์ฝั้นป่วยเป็นไข้อาการหนักมาก" ฉันยาแก้ไขอะไร เข้าไปก็ไม่หาย
ท่านนั่งพิจารณา "เวทนาที่เป็นทุกข์" ที่ท่านกำลังได้รับความทรมาน อย่างหนัก "เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต" มีแต่เจ็บ ๆ ไข้ ๆ ถึงจะอยู่ไปก็มีแต่ทุกข์ "มีแต่เจ็บ มีแต่ไข้ แล้ว ๆ เล่า ๆ เดี๋ยวก็เป็นเดี๋ยวก็หาย" ประเดี๋ยวก็สบาย ประเดี๋ยวก็ทุกข์อยู่อย่างนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ท่านจึงตัดสินใจว่า "เราจะนั่งภาวนา เอาความตายเป็นที่ตั้ง ถ้ามันหายก็หาย ถ้าไม่หายตายก็แล้วไป" ท่านจึงได้ไปกราบเรียน ท่านพระอาจารย์อ่อนว่า "วันนี้ผมจะนั่งภาวนาให้มันตายถ้ามันไม่หาย"
ดังนี้แล้วท่านก็กลับไป "เข้าที่นั่งทำสมาธิภาวนา กำหนดเอาทุกขเวทนามาเป็นธรรม" ที่ควรกำหนดรู้ตัว "มีความเพียรมีความพยายามเอาสติกับปัญญามาประกอบการพิจารณาเป็นกิจจญาณ" ในการเพ่งเพียรแผดเผาเอากิเลสที่ได้เหตุปัจจัยอาศัยจากทุกขเวทนาแล้วเกิดขึ้นมารบกวน "อย่างโดยไม่มีการยับยั้งลดละเลิกถอน" แม้แต่คำว่าย่อหย่อนเลิกถอยก็ไม่ให้มี
"สติปัญญาพิจารณาเผามันเลย" จิตที่มีสติปัญญาเป็นเครื่องรักษาและกำจัด คุ้มครอง หรือป้องก้น อยู่อย่างมั่นคง ทกุขเวทนา อันเป็นที่นำมาซึ่งกิเลส เป็นเหตุนำทำจิตให้ฟุ้งซ่านเกิดความรำคาญ (อุทธัจจะ กุกกุจจะ) ก็ถึงซึ่งความสงบ ระงับดับหายลงไป
ในทันใดนั้น "ก็มีนิมิตมาปรากฏให้เห็น จะเป็นอะไรก็ไม่ทราบ กระโดดออก จากร่างกายมายืนอยู่ข้างหน้าของท่าน" แล้วท่านพระอาจารย์ก็ได้ "กำหนดจิตตามดูเจ้าสิ่งนั้นก็ได้กลับกลายมาเป็นกวาง" แล้วก็กระโดดลงไปในห้วย กระโดดขึ้นจากห้วยวิ่งต่อไป "แล้วกลายมาเป็นช้างตัวใหญ่" เดินบุกเข้าไปในป่าโครมคราม ๆ อออกไป จนลับสายตาของท่าน
พระอาจารย์ฝั้นท่านได้พิจารณาซึ่งนิมิตที่ปรากฏเกิดขึ้นแก่ท่านคราวนี้ว่า "ไข้มาลาเรียที่ท่านกำลังป่วยอยู่ขณะนี้ มันได้กระโดดหนีไปจากร่างกายของท่านไป หมดสิ้นแล้ว คราวนี้ไข้ต้องหายขาดแน่นอน" ท่านนั่งภาวนาอยู่นานเท่าไรก็ไม่ทราบ
เมื่อท่านพิจารณาเห็นว่า "อาการไข้ได้ดับไปพร้อมกับทุกขเวทนาหายไปหมดแล้ว" ท่านจึงได้ถอนจิตออกจากสมาธิ "รู้สึกมีความเบากายเบาใจ มีจิตสว่างไสวปลอดโปร่ง สงบอิ่มเอิบสดชื่นในจิตในใจ" จะยืนหรือเดิน นั่งนอนอย่างไรก็มีความสุขสงบวิเวกไปหมด ท่านได้ออกเดินไปที่ท่านพระอาจารย์อ่อนอยู่
ท่านพระอาจารย์อ่อนพูดทักขึ้นว่า "แน่ะ ไหนว่าท่านจะนั่งสู้ตายถ้าไข้ไม่หาย ลุกมาทำอะไรเล่า"
พระอาจารย์ฝั้นตอบว่า "หายแล้ว กระผมจึงได้ลุกออกมา" แล้วท่านก็ได้เล่าเรื่องนิมิตทีท่านได้เห็น ดังที่ได้กล่าวมาแล้วทุกประการ ถวายให้พระอาจารย์อ่อนฟังตั้งแต่ต้นจนอวสาน
ตั้งแต่นั้นมา "พระอาจารย์ฝั้นท่านไปอยู่ป่าดงพงไพรภูเขาที่ใด ก็ไม่ปรากฏว่าท่านเป็นมาลาเรียอีกเลย" .. "
"อาจาริยบูชา"
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร