ระวังบาปละเอียดที่จะทำให้หลงไปชั่วชีวิต จงเห็นกงจักรว่าเป็นกงจักร
ความหลง (โมหะ)" เป็นกิเลสที่ละเอียดที่สุด และแก้ยากที่สุด เมื่อเทียบกับ ความโกรธ (โทสะ) และ ความโลภ (โลภะ) เพราะ "ความหลง" #มองไม่เห็นตัวมันเอง
สำหรับ ความโกรธ กับ ความโลภ เราอาจพอจะรู้ตัวได้ทันที เช่น "ตอนนี้ฉันหงุดหงิด", "ฉันอยากได้อันนี้" แต่ความหลง เราอาจไม่รู้ตัวเลยว่าเรากำลังหลง เช่น คิดว่าเรากำลังทำสิ่งดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่
ดังคำว่า #เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
“ความหลง” ไม่ใช่แค่ไม่รู้ แต่เป็นการ เข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่มี “โทษ” เป็นของดีมี “คุณ” และเป็นพื้นฐานของกิเลสอื่นๆ เช่น หลงในความโลภและเชื่อว่า ถ้าไม่โลภจะเอาแรงที่ไหนไปสู้คนอื่น? หรือ ถ้าไม่โลภก็ไม่พัฒนา
ความหลง คือ การมองโลกที่ผิดเพี้ยนอย่างแนบแน่น ไม่ได้อยู่แค่ในความคิด แต่ฝังลึกใน มุมมองต่อโลก ต่อชีวิต ต่อความจริง
ความหลงจึงไม่ได้เป็นอารมณ์แค่ชั่วครู่ แต่มันคือ "ระบบความคิดทั้งระบบ" ที่ถอดถอนอยาก...ในพุทธศาสนาเรียกว่า #มิจฉาทิฐิ ซึ่งเป็นบาปอย่างหนึ่ง
อ.พุทธทาส อธิบายไว้ว่า เรื่องบาปหยาบและละเอียดไว้ว่า
"สำหรับสิ่งที่เรียกว่าบาปนี้ เป็นชื่อของความเศร้าหมอง คือ ไม่ผ่องใส ไม่เป็นสุข ไม่เป็นความสว่างไสว แจ่มแจ้ง
เรียกอีกอย่างหนึ่งก็ว่า เป็นความสกปรก เป็นความมืดมัว เป็นความเร่าร้อน
ถ้าใจรู้สึกสกปรก มืดมัว และเร่าร้อน ก็จะถือว่าใจนั้นประกอบอยู่ด้วยบาป มีความทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
บาปที่ไปฆ่าเขา ไปลักเขา ไปประพฤติผิดในกามนี้ มันก็บาปเหมือนกัน แต่เป็นของชั้นที่หยาบหรือเป็นภายนอก และกระทบกระทั่งถึงบุคคลอื่น เกี่ยวข้องกันกับบุคลอื่น เป็นบาปอย่างหยาบ ผลมันก็หยาบ จะเดือดร้อนโกลาหล วุ่นวายกันไปหมด
ส่วนบาปอย่างละเอียดนั้น มันเกิดอยู่ในใจ โดยไม่มีใครรู้ก็ได้ โดยไม่ต้องกระทบกระเทือนถึงผู้ใดก็ได้ มันก็เป็นบาปด้วยเหมือนกัน ทำให้ใจสกปรก มืดมัว และ เร่าร้อนอยู่คนเดียวก็ได้...
ที่แท้มันก็เป็นการเผาลนอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่าบาปที่ปรากฏในทางกายเห็นชัด ๆ เสียอีก แต่คนก็ไม่ค่อยกลัว"
#บาปละเอียดทำให้เกิดบาปหยาบ
"กลัวแต่บาปที่เป็นความเจ็บปวด ปรากฏทางร่างกาย แล้วไม่กลัวบาปชนิดที่อยู่ภายในใจ นี้คือคนโง่!
เพราะบาปอย่างหยาบที่ทำให้เจ็บปวดข้างนอกหรือทางกายนั้น มันมาจากบาปอันละเอียดลึกซึ้งในภายใน ซึ่งตนไม่รู้จักกลัวนั่นเอง
ไม่รู้จักกลัวนี่ก็เพราะว่าไม่รู้จัก ว่ามันเป็นอะไร จึงได้ไม่กลัว ถ้ารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ให้ทุกข์ให้โทษอย่างใหญ่หลวง น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใด ก็จะพากันระวังบาปชนิดนี้ไว้เป็นอย่างยิ่ง ก็จะไม่เกิดบาปชนิดที่หยาบ ๆ ที่ออกมาทางกาย ทางวาจา
บาปหยาบ ๆ ที่ได้รับผล เป็นการตีรันฟันแทงกัน หรือว่าติดคุกติดตาราง อย่างนี้มันเห็นได้ง่าย เข้าใจได้ง่าย ส่วนบาปที่เป็นต้นเหตุของบาปหยาบ ๆ นี้เข้าใจได้ยาก
บาปชนิดนี้จะเรียกกันให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อยากจะเรียกว่า #มิจฉาทิฐิ
มิจฉาทิฎฐินั้น คือความเห็นผิด เข้าใจผิด รู้ผิด เชื่อผิด เมื่อทิฐิผิดแล้ว ทุกอย่างจะผิดไปหมดเพราะว่าคนเราจะพูดอะไร จะทำอะไร ก็ทำไปตามทิฎฐิที่ตัวรู้สึกว่าดีมีประโยชน์
ถ้าทิฎฐิมันผิด มันก็ไปเอาสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์มาเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเห็นว่าดีมีประโยชน์ อย่างนี้เขาเรียกกันว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
การที่จะรู้จักว่าเป็นกงจักรหรือเป็นดอกบัวนี้ มันรู้ได้ยาก มันไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นสิ่งที่ควรทำ
ไม่เห็นว่ามีกงจักรอยู่ที่ไหนเลย เราหรือเพื่อนของเราจึง #ทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ กันอยู่ทั่ว ๆ ไป
ขอให้ไปคิดดูให้ดีว่า เรากำลังมีอะไรที่กระทำอยู่โดยไม่มีเหตุผลอะไรที่ว่าเราจะต้องทำ
เช่น เราจะกินเหล้า เราต้องเห็นกงจักรเป็นดอกบัว จึงจะกินเข้าไปได้ ถ้าเห็นกงจักรเป็นกงจักรแล้ว มันคงจะกินเข้าไปไม่ลง...
แม้ที่สุดแต่เรื่องสูบบุหรี่ ที่ไม่มีประโยชน์นี้ มันก็เป็นเรื่องเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ใครจะพูดเท่าไรมันก็ไม่รู้จักฟัง ไม่รู้จักเชื่อ ความเห็นของตัวมันมีเสียแล้ว ว่านี้ไม่เป็นไร นี้ไม่มีโทษอะไร นี้กลับสนุกสนานเอร็ดอร่อย หรือว่ามีประโยชน์ด้วยซ้ำไป ทำอย่างไรเสียก็ไม่เห็นโทษของสิ่งที่มีโทษ ไปดูแต่ในส่วนที่มันเป็นเหยื่อล่อ เป็นเสน่ห์ล่อ
จำไว้เป็นหลักด้วยว่า สิ่งทุกสิ่งมันมีทั้งส่วนที่เป็นโทษ และส่วนที่เป็นคุณ ถ้าเราเข้าใจผิด ไม่รู้จักตามที่เป็นจริงแล้ว ก็จะ #ไปเอาส่วนที่เป็นโทษนั่นแหละมาเป็นคุณ
เพราะว่าส่วนที่เป็นโทษนั้นมันมีเสน่ห์มาก ถึงกับหลอกคนให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัว จึงไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ กลายเป็นผู้เต็มไปด้วยมิจฉาทิฎฐิ เต็มไปด้วยการพูด การกระทำชนิดที่เป็นไปตามอำนาจของมิจฉาทิฎฐิ
ส่วนที่มันเป็นโทษของบุหรี่นั้นมันมีเสน่ห์ เด็ก ๆ ไม่เคยสูบ สูบไม่กี่ครั้งมันก็ติด นี่เพราะมันมีเสน่ห์อย่างนี้...เราจึงไปทำสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องทำ การสูบบุหรี่นี้ มันก็เปลืองทรัพย์ เปลืองเวลา เปลืองร่างกาย คือทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม แต่ว่า #เปลืองวิญญาณคือทำให้โง่ เพราะเหตุที่มันโง่ มันจึงจะไปทำอย่างนั้นได้ อย่างนี้เป็นความเสียหายทางวิญญาณ ทำให้เป็นวิญญาณโง่!"
นอกจากตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ที่ อ.พุทธทาสสอนแล้ว ยังมีความหลงแบบอื่นๆ ที่ละเอียดอ่อนและซ่อนเร้น จึงมองเห็นได้ยาก เช่น หลงคิดว่า ฉันทำดีแล้วต้องได้ผลดีแน่นอน กลายเป็นการ "คาดหวัง" แทนที่จะทำดีที่บริสุทธิ์ เช่น ช่วยคนตลอด แต่พอเขาไม่ตอบแทนกลับรู้สึกโกรธ หดหู่
หรือหลงคิดว่า การเปลี่ยนคนอื่น/สิ่งอื่น คือทางแก้ทุกข์ เช่น พยายามเปลี่ยนคนรักให้ดีขึ้น คิดว่าเขาเป็นต้นเหตุของปัญหา แต่แท้จริงอาจจะทุกข์มากขึ้นเพราะพยายามควบคุมสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ คือ หลงคิดว่า “ปัญหามาจากภายนอก” แทนที่จะหันกลับมาดูภายในตนเอง
และที่เป็นความหลงที่สุด คือ การยึดกับความรู้สึกว่ามี ตัวกู
การแก้ความหลงทำได้หลายทาง เช่น
✨มีกัลยาณมิตร – เพื่อช่วยชี้ให้เห็นความหลงที่เรามองด้วยตัวเองไม่เห็น
✨ศึกษาธรรมะ – ฟังธรรม อ่านธรรม เพื่อเปลี่ยนความเห็นผิดให้เป็นความเห็นถูก
✨เจริญสติ – รู้เท่าทันความคิด ความรู้สึกของตนในปัจจุบัน
✨วิปัสนาภาวนา - ฝึกจิตให้สงบและเห็นความจริงตามที่มันเป็น
เมื่อใดที่เห็นความหลงว่าเป็นความหลง
#เห็นกงจักรว่าเป็นกงจักร (มิใช่ดอกบัว)
ผู้นั้นได้เริ่มเดินอยู่บนทางแห่งการตื่นรู้
#สวนโมกข์กรุงเทพ #สร้างสรรค์สังคมรมณีย์