ผู้สิ้นอาสวกิเลสเป็น "ผู้ประเสริฐ" : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
ท่านผู้ใดเป็นผู้บวชอุทิศต่อพระพุทธเจ้าแล้วละอาสวกิเลสหมดสิ้นไปแล้ว
ท่านผู้นั้นล่ะน่านับถือโดยแท้ ชาวพุทธเรามันต้องศีกษาอย่างนี้
เพราะว่า เรื่องศาสนานี้นะพระพุทธเจ้าสร้างบารมีมามากต่อมาก
จนเต็มแล้วได้ตรัสรู้ พระองค์ละอาสวกิเลสหมดสิ้นไปแล้ว
พระองค์ไม่มีทุกข์อยู่ในพระทัย บัดนี้ก็สงสารสัตว์โลก
จึงได้แนะแนวทางข้อปฏิบัติให้ผู้สนใจในคำสอนของพระองค์
ได้ไปประพฤติปฏิบัติตาม ท่านผู้มีวาสนาบารมีแก่กล้าเต็มที่แล้ว
พอถ้าปฏิบัติไปไม่นาน ท่านก็ละอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไปได้จริงๆ
อย่างเป็นลูกเศรษฐีอย่างนี้นะมีเงินตั้งเป็นหลายโกฏิ สละบ้านเรือนออกบวชแล้ว
เมื่อท่านบำเพ็ญแล้วชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปแล้วท่านก็ไม่สิกขาลาเพศไปครองเรือนอีกเลย
ทั้งที่ถึงสึกออกไปก็ไม่ยากไม่จนอะไร มีเงินทองเหลือล้น
อันนี้แหละเป็นเครื่องแสดงให้เห็นแล้วว่า ท่านละอาสวกิเลสหมดสิ้นไปจริงๆ
เช่นนั้นนะจึงได้ชื่อว่า เป็นผู้วิเศษ
ในพระพุทธศาสนานี้นะท่านยกย่องท่านผู้สิ้นอาสวกิเลสหมดสิ้นไปนั้นนะ
ว่าเป็น "ผู้ประเสริฐ" เป็น "ผู้วิเศษ" เป็น "บุคคลที่ควรยกมือไหว้"
"ควรกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์" คือนั่งคุกเข่าสองแล้วก็แขนศอกสอง
ศีรษะหนึ่ง..ก้มลงให้ราบลงไปที่พื้น อันนี้ท่านเรียกว่า "เบญจางคประดิษฐ์"
ควรกราบด้วยความนอบน้อมจริงๆ อย่างนี้แหละ เป็น "บุคคลที่ควรรับนิมนต์ไปฉัน"
ในที่ต่างๆในบ้านในช่องก็ดี เป็น "บุคคลที่ควรรับไทยทานชาวบ้าน"
ที่ผู้มีศรัทธาให้ทาน เมื่อท่านรับไปแล้วผู้ให้ก็ได้รับผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างนี้