ฝึกจิตต้องฝึกตอนถูกกระทบกระทั่ง : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
เมื่อเป็นผู้ที่เคยฝึกมาแล้วอย่างนี้ เคยเป็นผู้มีสติควบคุมจิตของตนในเวลานั่งภาวนาอยู่
จิตใจสงบอยู่ด้วยอาการอย่างไร เมื่อออกจากสมาธิไปแล้ว ก็ไม่ลืมจิตอันนั้น
มีสติกำหนดรู้จิตอันนั้นอยู่ เมื่อรู้สึกว่าจิตของตนเป็นปกติอยู่ก็ประคับประคองให้เป็นปกติอยู่เรื่อยไป
ถ้ารู้ว่าจิตนั้นยังหวั่นไหวด้วยเรื่องอะไรต่ออะไรอยู่อย่างนี้ก็ฝึกจิตนั้น
ให้ตั้งมั่นให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเก่า ไม่ให้มันหวั่นไหวไปตามเหตุต่างๆ
นี่มันขึ้นอยู่กับการฝึกนาจิตนี้นะ เราจะอยู่เฉยๆแล้วให้มันเข้มแข็งไปเองน่ะไม่ได้
เราฝึกเวลามีเหตุมากระทบกระทั่งนั่นแหละ ถ้ารู้ว่ามันหวั่นไหว
เราก็สะกดจิตไม่ให้หวั่นไหวอย่างนี้นะ..จึงเรียกว่า “ฝึก”
ถ้ามันหวั่นไหวก็ปล่อยให้มันหวั่นไหวไปอย่างนี้ก็ไม่ชื่อว่า ฝึกจิตใจ ให้เข้าใจ
เราฝึกไปพร้อมกันแหละเวลามีเหตุอะไรๆต่ออะไรๆกระทบกระทั่งมา เราก็หัดอดหัดทน
หัดพิจารณาสอนจิตให้รู้เท่าตามเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดาทั้งที่ฝ่ายดีก็ดี ฝ่ายชั่วก็ดี ไม่มีอะไรที่จะเป็นแก่นเป็นสารอยู่ได้
เมื่อมันเห็นแจ้งด้วยปัญญาอย่างนี้ก็ไม่ได้ถือมั่นในเรื่องที่กระทบกระทั่งนั้น
จะดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เมื่อจิตไม่ยึดถือ ไม่หวั่นไหวตามแล้วมันก็ดับไปเองมัน
ไม่ต้องไปกำหนดละอะไรมันก็ดับไปเองมันแหละ เพราะว่า จิตรู้ตัวแล้วนี่ว่า
เรื่องนี้ไม่ควรยึดถือนี้นะแล้วก็มีสติประคองจิตไว้ไม่ให้ปรุงแต่ง ไม่ให้หวั่นไหวไปตามเรื่องนั้นๆอย่างนี้