พระคุณของพระพุทธเจ้า (ผู้แจกจ่ายธรรมและผู้เบิกบาน) : หลวงปู่เทสก์
พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
พระพุทธเจ้าท่านน่ะ “ภะคะวา” เป็นผู้มีส่วนหนึ่ง “อะระหัง”เป็นผู้ไกลจากกิเลส
“สัมมาสัมพุทโธ” รู้แจ้งแทงตลอดของจริง ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
“วิชชาจะระณะสัมปันโน” มีวิชชาแล้วประกอบด้วยจรณะ
วิชชา ๓ วิชชา ๘ แล้วก็ประกอบด้วยจรณะ ปฏิบัติรู้จริงเห็นจริง
แล้วประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามความรู้อันนั้น “สุคะโต” ผู้ไปดี
“โลกะวิทู” รู้แจ้งทั้งโลก อันนี้มันเป็นส่วนของพระองค์
พระองค์มีครบมูลบริบูรณ์หมดทั้ง ๖ ประการ
“อะนุตตะโร ปุริสสะ ธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ”
อันนั้นเป็นส่วน “เจือจานให้แก่บุคคลอื่น” คือเป็นผู้สามารถทรมาน
หรืออบรมสั่งสอนมนุษย์สัตว์ทั้งหลายให้ละพยศนั้นได้
พวกเราลองคิดๆดูดีๆ คำสอนของพระองค์
ถึงแม้ว่า พระพุทธเจ้าท่านนิพพานไปแล้วก็ตาม
ยังเหลือแต่คำสอนเท่านั้น เมื่อคนใดเข้าไปซาบซึ้งถึงของจริง
ในธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า สามารถละความชั่วเลวทรามของตนได้
ให้กลับเป็นคนดีได้ ..ลองคิดดูสิ ขนาดที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่มีอยู่แล้ว
ยังเหลือแต่พระธรรมคำสอนก็ยังเอาปานนี้
หากพระองค์มีเป็นตัวจริงแล้วจะถึงขนาดไหน
ผู้ทรมานคนจะทรมานได้ดีถึงขนาดไหน
“พุทโธ” นั้นผู้เบิกบานแล้วครานี้ เป็น “สารถี” แล้วก็เบิกบาน
รู้แจ้ง..เบิกบาน บ่มีการเศร้าหมอง ที่ว่าพระองค์ข้องใจมาตลอดระยะกาลเวลา
หากเรามารู้อย่างนี้จะไม่เบิกบานหรือ อย่างที่เป็นมาอย่างที่ว่า
เพียงแต่โลกะวิทูเท่านี้ไม่ใช่อื่นไกลทั้ง ๖ หรอก “รู้แจ้งโลก”
พิจารณาโลกเห็นชัดอย่างนี้ หายความกระวนกระวายเดือดร้อน
หายความง่วงเหงาหาวนอน พิจารณาอยู่ตลอดกาลเวลา ยืนเดินนั่งนอน
คิดพิจารณาค้นคว้าอยู่..เบิกบานอยู่ตลอดเวลา อิ่มเอิบอยู่ตลอดเวลา
นั่นคำว่า“พุทโธ” เป็นผู้เบิกบาน เป็น “ผู้ตื่น” ว่างั้น มันตื่นแล้ว
แต่ก่อนเรานอนอยู่จมกับความชั่วทุจริตประพฤติผิดต่างๆ
หากมารู้เข้าแล้วรู้โลกเราอย่างที่ว่าเนี่ย เฉพาะเรื่องโลกเท่านี้อันเดียวเท่านี้ "ตื่น"
รู้สึกตัวขึ้นมาทีเดียว ว่าแหมเรานี่ผิดกันนักหนา ขนาดนั้นทีเดียว
ก็จะไม่ตื่นยังไง รู้จิตตน”ละได้” ก็ “ตื่น” น่ะสิ
อันคนตื่นหลับตื่นนอนนั่นอันนั้นตื่นเล็กๆน้อยๆเท่านั้นล่ะ
ตื่นแล้วมันยังง่วงเหงายังหลับอีก คนตื่นความชั่วเจ้าของ
ว่าตนได้หลับมานานแล้ว จมมานานแล้ว พอตื่นขึ้นมาแล้ว
ครานี้มันไม่หลับอีก ไม่ยอมทำความชั่วอีก เรียกว่า “ไม่นอนหลับอีก”
นั่นพุทโธ คือ คนเป็นผู้เบิกบาน ผู้ตื่น
“ภะคะวา” เป็นผู้แจกจำหน่าย ใครจะไม่อยากพูด
รู้จริงเห็นจริงแล้วอดพูดไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านก็อดพูดไม่ได้
อันพูดนั้นเรียกว่า “แจก” คุณงามความดีและความรู้ต่างๆ
นี่ท่านอธิบายว่า ออกไปถึง ๙ บท พระคุณของพระพุทธเจ้า