พระพุทธเจ้าทรงประสงค์ให้รู้จักทุกข์ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
พูดถึงเรื่อง "พระนิพพาน" นี้นะ มันเป็นที่สุดแห่งทุกข์
หรือเป็นที่สุดแห่งชีวิตที่ท่องเที่ยวเกิดแก่เจ็บตายไปในสงสารนี้
เมื่อบรรลุถึงพระนิพพานแล้วก็เป็นอันว่ายุติ
ไม่ต้องเทียวเกิดแก่เจ็บตายอย่างนี้อีกต่อไป
คนผู้หนาแน่นด้วยอวิชชาตัณหาแล้วก็ไม่อยากไปพระนิพพาน
มีบางคนพูดให้ฟังอยู่เหมือนกันแหละ
เขาพูดถึงเรื่องพระนิพพานให้ฟังว่า
ไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไปอย่างนี้..ไม่อยากไป
เพราะว่า มันไม่สนุก เอ้อ..อย่างนี้แหละ
เมื่อไม่มีการเกิด ไม่มีการสังคมสมาคมซึ่งกันและกันอย่างนี้
แล้วมันจะเอาความสนุกสนานมาแต่ไหน
อันนี้ก็ควรพากันคิดพิจารณา อย่าให้มันเป็นมารของจิตใจ
ความคิดนึกความรู้สึกอย่างว่านี้นะ นี้แหละในพระพุทธศาสนานี่
หลักสำคัญที่พุทธบริษัทจะต้องพิจารณาให้รู้ให้เข้าใจ
ตามจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้า ทรงมีพระประสงค์ให้
พุทธบริษัทได้ปฏิบัติตาม คือให้รู้จักทุกข์
ในการเกิดแก่เจ็บตายนี้นะ ไม่รู้จักจบจักสิ้นนี้
พระองค์เจ้าตรัสเป็นพระบาลีไว้ว่า ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ
การเกิดบ่อยๆนี้เป็นทุกข์หลาย พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้
ดังนั้นเราต้องพิจารณาให้มันเห็น ตามที่พระองค์เจ้าทรงสั่งสอนไว้
ทุกข์นั้นมีถึง ๑๑ กอง ที่พระองค์เจ้าแสดงไว้
ทุกข์เพราะการเกิด การแก่ เจ็บ ตาย นี้เรียกว่า ทุกข์ประจำขันธ์อันนี้
มันยังมีทุกข์จรมาแต่ภายนอก เช่น ทุกข์การที่ได้คบหาสมาคม
กับบุคคลที่ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจ อันนี้ก็เป็นทุกข์กองหนึ่ง
ทุกข์การที่ได้พลัดพรากจากบุคคลที่เป็นที่รักที่ชอบใจ
ก็เป็นทุกข์อีกกองหนึ่ง อันนี้นะ
ทุกข์การที่อยู่ได้อยู่ร่วมหรือไปร่วมกันกับคนอันธพาล
อันนี้ก็เป็นทุกข์อีกกองหนึ่ง ทุกข์เนื่องจากการแสวงหาอาหาร
มาเลี้ยงร่างกายก็แสนยากแสนลำบากอันนี้ก็เป็นทุกข์อีกกองหนึ่ง
อย่างนี้ต้องพากันพิจารณาดูซิ ที่ท่านเรียกว่า
อาหาเร อาหาระปฏิกูลสัญญา อาหาเร อาหารปริเยฏฐิทุกข์
นี่นะ การแสวงหาอาหารอัตภาพร่างกายนี้ก็เป็นทุกข์นี้นะ..นั่นแหละ
การปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สมหวังก็เป็นทุกข์
ทุกข์สุดท้ายก็ได้แก่ อุปาทานขันธ์ทั้งห้า
ความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้งห้านี้เป็นทุกข์รวบยอดเลย..ทุกข์รวม
มันอยู่ที่จิตใจมายึดถือขันธ์ห้าว่าเป็นตัวเป็นตนเป็นเราเป็นเขา
หวงแหนไว้ เมื่อหวงไว้อย่างนี้เมื่อเวลาขันธ์ห้ามันวิบัติแปรปรวนไป
จิตผู้อาศัยอยู่ในนี้ก็เป็นทุกข์แหละบัดนี้เดือดร้อนนะ อืม เป็นอย่างนั้น
นี้แหละกองทุกข์นะมันมีอยู่มากมายก่ายกองนี้
ในชีวิตของคนหนึ่งหนึ่งนี้นะ ขอให้พากันคำนึงพิจารณาดู
แล้วคนที่เห็นว่า การที่ไม่ได้เกิดมาอีกเป็นผู้เป็นคนนี้ไม่สนุกสนานนั้นน่ะ
เรียกว่า มันหลงเอาอย่างขนานใหญ่เลยทีเดียว
หลงเข้าใจว่า การเกิดมาเป็นคนแล้วอย่างนี้
จะมีแต่ความสนุกสนาน ความทุกข์ไม่มี
นี่เข้าใจผิดถนัดเลย อันเมื่อเข้าใจผิดอย่างนี้แล้ว
มันก็ไม่ได้ขวนขวายสร้างบุญสร้างกุศล
เพื่อให้บรรลุถึงพระนิพพาน เออ มันเป็นอย่างนั้น
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"สว่างมาอย่ามืดไป พ.ศ. ๒๕๓๖"