เปลือก กระพี้ แก่น : หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป
พระอาจารย์จันทร์ศรี จันททีโป
วัดโพธิสมภรณ์
อ.เมือง จ.อุดรธานี
...
การตกแต่งภายนอกนั้นมันก็เป็นภัย ดังที่เราก็รู้กัน
ขโมยมันเห็นมันก็ฆ่าเอา เครื่องประดับภายนอกเป็นภัย
ฉะนั้น พระพุทธเจ้าก็จึงให้เอา
“ธรรมเป็นเครื่องประดับ” “ศีลเป็นเครื่องประดับ”
วันนี้จะได้นำธรรมะในข้อต้น คือว่า ศีลนั้น ธรรมนั้น
มันมีตั้งสามชั้น “เปลือกของศีลเปลือกของธรรม”
แล้วก็ “กระพี้ของศีลของธรรม” “แก่นของศีลของธรรม”
บุคคลที่ยินดีในการบูชาดอกไม้ธูปเทียน
บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์
เป็นที่ระลึกเป็นที่พึ่ง ท่านก็เปรียบเหมือน
”เอาเปลือกไม้มาสร้างบ้าน” สร้างเรือนเป็นที่อยู่
ธรรมดาเปลือกไม้นั่นน่ะมันไม่ทนถาวร
ปลวกก็กินมอดก็กินทั้งไม่มั่นคง ฉะนั้นผู้อยู่ติดอยู่แค่ “อามิส”
จึงช่วยศาสนา บำรุงศาสนาให้ดีให้สืบไปไม่ได้
เปรียบเหมือนเอาเปลือกไม้มาทำบ้าน สร้างบ้านอยู่นั่นน่ะ
ทีนี้ บุคคลที่มารักษาศีล หรือว่าที่ท่านเปรียบเหมือน
“เอากระพี้หรือว่ามอก*หรือกระพี้มาสร้างบ้าน”
ไม้ที่ไม่มี เป็นกระพี้นั่นน่ะมาสร้างบ้านอยู่ มันก็ไม่ทน
ปลวกก็กินได้ ตัวมอดตัวอะไรกินไม่พัง ไม่ทนลมมาก็หักง่ายหักเร็ว
แต่ว่า โบราณว่า “เสาไม้มอก ตอกไม้รวก”
อันนี้คนที่มารักษาศีลแล้วภาวนา ปฏิบัติบูชาจนจิตตั้งมั่น
แก่นสารมั่นคงก็เปรียบเหมือน "เอาแก่นไม้มาสร้างบ้าน"
แก่นนั้นน่ะมันมั่นคงถาวร ปลวกก็ไม่กิน มั่นคง
อันนี้ฉะนั้นจึงว่า บางคนสามจำพวกนี้จึงไปไม่เหมือนกัน
ถือพุทธเหมือนกันแต่ไปไม่เหมือนกัน ดีไม่เหมือนกัน
ฉะนั้นคติโบราณท่านจึงกล่าวว่า คนสามบ้านกินน้ำบ่อเดียว เพิ่นว่า
“คนสามบ้านกินน้ำบ่อเดียวเทียวทางเดียวแต่ไม่เหยียบรอยกัน”
คือบางคนก็ได้พุทธแต่เปลือกๆ บางคนก็ได้พุทธแค่กระพี้
บางคนก็ได้พุทธถึงแก่น คือ จิตเป็นสมาธิจนถึงวิมุตติธรรม
คำว่า “วิมุตติธรรม” นั่นคือว่า “จิตพ้น”
จิตพ้นจากความยึดความถือในรูปในนามนี้แหละ จิตหลุดพ้น
*มอก แปลว่า เปลือกนอก
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ "แก่นของศีล"