ให้อภัยเมื่อผู้อื่นพลั้งเผลอ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

 จำปาพร  

 พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

เราไม่ต้องยึดถืออะไรผู้ปฏิบัติธรรมน่ะ
แม้ว่าใครจะทำอะไรไม่พออกพอใจ เราก็ไม่ถือ
ละทิ้งให้หมดไปเลย ไอ้ความไม่พอใจนั่นเป็นกิเลส
เรื่องที่เขาพูดมานั้นเมื่อจิตเราไม่หวั่นไหว
ไม่ยึดถือซะแล้ว มันก็ดับไป มันไม่ใช่มีตัวมีตน

เหมือนหอกดาบมาทิ่มแทงเอาอย่างนั้น หามิได้เลย


อืม ต้องให้เข้าใจ ต้องเรียนรู้ รู้ "กฎธรรมดา"เหล่านี้นะ
ไอ้ความชั่วมันก็เป็นกฏธรรมดาอย่างหนึ่ง
ถ้าตนมีความชั่วอย่างนั้นอยู่ในใจ
ตนก็ปล่อยออกไปกระทบกระทั่งผู้อื่น
ถ้าผู้อื่นมีความชั่วอย่างนั้นอยู่ในใจ
เขาก็ปล่อยออกไปกระทบกระทั่งผู้อื่น

มันก็เป็นอยู่อย่างนี้

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนให้รู้จักให้อภัยต่อกัน
เพราะความพลั้งเผลอมันมี บุคคลละกิเลสยังไม่หมด

เมื่อความพลั้งเผลอของใครเกิดขึ้นแล้ว
เราก็ต้องระลึกเสมอ..อ่อ ผู้นี้เผลอแล้ว
อย่างนี้เราก็ไม่ถือสา เราก็นิ่งเสียอย่างนี้นะ
นิ่งทางภายนอกด้วย ควบคุมจิตให้นิ่งอยู่ภายในด้วย
ไม่ให้จิตมันหวั่นไหว แบบนิ่งแต่ภายนอก
แต่ภายในจิตใจยังหวั่นไหวอยู่ มันก็ใช้ไม่ได้อีกเหมือนกัน
เหตุนั้นต้องให้มันนิ่งภายในแล้วก็มันนิ่งภายนอกอีกด้วยกัน

เช่นนี้มันจึงไม่กำเริบขึ้นมาอีกกิเลสเหล่านั้นน่ะ มันเป็นอย่างนั้น

นี่ล่ะขอให้พากันศึกษาให้เข้าใจ อย่าไปศึกษาแต่เรื่องศีล
เอ้าตนมีศีลอยู่นี้ไม่ล่วงสิกขาบทนั้น
เท่านี้แล้วไม่หวนนึกถึงธรรมะประกอบกันนี่ไม่ได้เลย
เมื่อไม่มีธรรมะอยู่ในใจแล้วหน่อยนึงมันก็ทำลายศีลอีกแล้ว
มันเป็นเช่นนั้น เพราะศีลธรรมมันจึงว่าได้เป็นคู่กันนั่นแหละ เป็นคู่กัน

ท่านจึงเรียกว่า เป็นผู้มี “วิหารธรรม” อยู่ในใจ อืม เป็นอย่างนั้น

...

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"สติใคร่ครวญเสียก่อนจึงค่อยพูด ปี พ.ศ. ๒๕๓๖" 

5,629







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย