"รู้จักผิด รู้ดีรู้ชั่ว แล้วชำระตน"
"รู้จักผิด รู้ดีรู้ชั่ว แล้วชำระตน"
" .. "ศาสนาพุทธ สอนให้คนผู้ทำผิดละสิ่งที่ผิดนั้น ๆ ที่ทำถูกแล้วก็ส่งเสริมให้ทำถูกต่อไป" คือให้ทำดีต่อไป คนเราบางคนเข้าใจว่า ทำผิดแล้วไม่มีหนทางที่จะแก้ไข ทำชั่วแล้วไม่มีหนทางที่จะกลับตัวได้ อันเป็นความเข้าใจผิด
แท้ที่จริงคนเรา "ถ้าหากรู้จักว่าสิ่งใดที่เป็นของสกปรกน่าเกลียด สิ่งนั้นเราก็รีบล้างรีบชำระให้สะอาดเสีย ก็จะดีขึ้นได้ทันที" คนที่ทำผิดคิดว่าเป็นของดี ก็ไม่ผิดอะไรกลับแมลงวันที่เห็นของเน่าสกปรกเป็นอาหารที่เอร็ดอร่อย "ถ้าหากเข้าใจว่า ของชั่วสกปรกเป็นของน่าเกลียด หรือเป็นสิ่งที่น่าสพึงกลัวแล้ว จะงดเว้นเอง"
พระพุทธเจ้าท่านตรัสเทศนาไว้ว่า "เหมือนกับไฟไหม้ผมที่ศีรษะของคนเรา เมื่อมันร้อนก็ต้องรีบดับ ความชั่วและความผิดที่คนทำไปแล้วเห็นโทษ" ก็เช่นนั้นเหมือนกัน
เหตุนั้น "พุทธศาสนาจึงสอนให้คนละในสิ่งที่ผิดนั้นเสีย สิ่งที่ถูกก็ส่งเสริมให้ทำดีต่อไป" เมื่อเราเข้าใจเช่นนี้แล้วก็สรุปรวมเข้าใจง่าย ๆ ว่า "พุทธศาสนาสอนที่ตัวของคนเรา" ถ้าหากเรานำเอาคำสอนนั้นมาปฏิบัติ "ก็เรียกว่าศาสนาพุทธมาอยู่ที่ตัวของคนเราทุก ๆ คน" ถึงแม้จะไม่ได้บวชไม่มีวัด เราไม่ได้เข้าวัดเข้าวา
แต่หาก "เรานำเอาธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนให้ละชั่วทำดีนั้นมาไว้ที่ตัวของเราแล้ว ศาสนาก็มาตั้งหรือประดิษฐานอยู่ที่ตัวของเรานั่นเอง" ศาสนาไม่ได้อยู่ในที่อื่น "พุทธศาสนาสอนผิดจากศาสนาอื่น คือสอนแนะนำให้รู้จักผิด รู้จักดี รู้จักชั่ว แล้วชำระด้วยตนเอง" .. "
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ธรรมเทศนา ประเทศสิงคโปร์ ๑๙/๑/๒๕๒๐