ห้ามฆ่า แต่ไม่ห้ามกิน
ปัญหาเกี่ยวกับศีลข้อที่ ๑ ยังมีให้สงสัยอีกประเด็นหนึ่ง นั่นก็คือปัญหาเรื่องการกินเนื้อสัตว์บางคน คงคิดว่า ในเมื่อพระพุทธเจ้าทรงห้ามฆ่าสัตว์แล้ว ทำไมจึงไม่ทรงห้ามการกินเนื้อสัตว์เสียด้วยจะมิเข้าทำนองที่ว่า ปากว่าตาขยิบรึ ? ปัญหาตรงนี้น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในกลุ่มของพวกที่ทานเนื้อ กับพวกทานมังสวิรัติ มักจะมีปัญหาโต้แย้งกันอยู่เสมอ
เราลองมาทำใจให้เป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วฟังเหตุผลดูซิว่า ทำไมห้ามฆ่า จึงไม่ห้ามกิน ?ผู้ที่จะให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ อดีตอนุศาสนาจารย์ แห่งกองทัพบก
“พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ ” ท่านให้เหตุผลไว้อย่างนี้ครับการที่พระพุทธเจ้าห้ามฆ่า แต่ไม่ห้ามกินนั้น เพราะการกระทำทั้ง ๒ อย่าง มีเหตุ และ ผลไม่เหมือนกัน การฆ่านั้นจิตของผู้ฆ่าจะต้องตกอยู่ในอำนาจของกิเลส อย่างหนึ่งอย่างใด ถ้าไม่โลภก็โกรธ ไม่โกรธก็หลง จึงจะฆ่าได้ ถ้าจิตเป็นอิสระแก่ตัว คือไม่มีอาการดังกล่าวครอบงำ คนเราจะไม่ฆ่าสัตว์ การฆ่าทุกครั้ง จะต้องกระทำในขณะจิตผิดปกติ เสมอ ฉะนั้นการฆ่าแต่ละครั้งจึงมีผล ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตของผู้ฆ่า หมายความว่า การฆ่าทำให้จิตทรุดต่ำลงทุกครั้ง จะแคล้วคลาดไปไม่ได้เลยเพราะฉะนั้น ท่านจึงห้ามฆ่า
ทีนี้การกินไม่เป็นอย่างนั้น จิตไม่ต้องโลภ ไม่ต้องโกรธ และไม่ต้องหลง ก็กินได้ และเนื้อสัตว์ที่ปราศจากชีวิตแล้ว เขาแล่มาขาย จำหน่ายจ่ายแจกกันมาเป็นทอดๆ ย่อมมีสภาพเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งจะทิ้งก็เน่าจะกิน ก็อิ่ม ไม่มีเชื้อบาปเชื้อกรรมติดอยู่ในเนื้อนั้นเลย พระพุทธองค์ จึงไม่ทรงห้ามการกินเนื้อสัตว์ ชัดเจนใช่ไหมครับ สำหรับคำชี้แจงเรื่อง
“ ห้ามฆ่า แต่ ทำไมไม่ห้ามกิน ? ”
พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์