เมื่อพูดถึงผลดีของทาน การรู้จักให้แล้วถ้าจะไม่กล่าวถึงผลแห่งความตระหนี่ก็ดูจะขาดความสมบูรณ์ไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ท่านได้แสดงเอาไว้ว่า "ถ้าเป็นความตระหนี่ถี่เหนียวแล้ว เอาละไปไหน จนตรอก จนมุม แม้อยู่ในหมู่มนุษย์ บริษัทบริวารมีน้อยมากทีเดียว ใครเขาไม่อยากไปเกี่ยวข้องแหละ คนตระหนี่ถี่เหนียว ถ้าเป็นนักเสียสละ เป็นคนใจกว้างใจขวาง ไปที่ไหน เพื่อนฝูงไม่อด เวลาตาย นี้เต็มไปด้วยคนมาในงานศพ คนตระหนี่ถี่เหนียวตาย แล้วไม่ค่อยมีใครมาในงานศพนะ เขาไม่อยากมา ไม่มีแก่ใจที่จะมาเพราะความตระหนี่ถี่เหนียวนี่ละ ไม่ใช่ของดี ความตระหนี่ถี่เหนียว เอ้า เราจะสมมติให้เห็นชัดๆว่า
เรามีเงินหนึ่งพันบาทเก็บไว้ เก็บไว้เท่าไรก็ไม่เห็นมันแสดงอาการอะไร เก็บไว้อย่างนั้นเจ้าของก็ภูมิใจว่าเรามีเงินพันบาท เงินพันบาทอยู่โน้น เจ้าของอดตายอยู่นี้ ไม่เห็นเป็นประโยชน์อะไรเจ้าของก็เงินพันบาทพอจับเงินพันบาทนี้ไปซื้อสิ่งของปั๊บ ได้ผลได้ประโยชน์มาเลย พอจับเงินนี้ไปเสียสละทำบุญให้ทานนี้ ทางผู้ได้รับ มีความยิ้มแย้มแจ่มใสตอบรับกันเราก็ให้ด้วยความยินดี ให้ด้วยความเมตตาสงสาร เขาก็รับด้วยความยินดี เพราะเราไปสงเคราะห์เขา นั่นแสดงความดีใจขึ้นมาในทันทีทันใด เงินจำนวนนี้นะ จำนวนที่เราเสียสละถ้าเก็บไว้เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์ไม่เห็นมีอะไร เจ้าของก็ภูมิใจ บ้าไปอย่างนั้นล่ะ ตายแล้วก็มาเป็นเปรตเป็นผีเฝ้าสมบัติภูมิใจกับเปรตของตัวเองนั่นแหละ แต่เวลาเอาไปเสียสละแล้ว ภูมิใจในการได้ให้เขาด้วย เขาก็ภูมิใจในการที่ได้รับจากเราด้วย
นั่นผลประโยชน์ต่างกัน การเก็บไว้กับการเสียสละ การเสียสละ เป็นความดีงาม เอามากทีเดียว เวลาจะเป็นจะตายก็อาศัยจำนวนที่เสียสละเท่านั้น ส่วนที่เก็บไว้นี่ ไม่ได้อาศัยมันแหละ ตายแล้วก็มีแต่เป็นเปรตเป็นผี มาอาศัยเกาะอยู่นั้น ไม่เกิด ประโยชน์อะไร"