ภิกษุต้องอาบัติแล้ว พึงห่มผ้าเฉวียงบ่าเข้าไปหาภิกษุรูปใดรูปหนึ่งนั่งกระหย่งประนมมือแล้ว
กล่าวคำแสดงอาบัตินั้นว่า...
แก่ว่า... อะหัง อิตถันนามัง
อ่อนว่า... ภันเต อาปัตติง อาปันโน ปะฏิเทเสมิ
แก่ว่า... ปัสสะสิ อาวุโส
ผู้รับ...
อ่อนว่า... ปัสสะถะ ภันเต
แก่ว่า... อามะ อาวุโส ปัสสสามิ
ผู้แสดง...
อ่อนว่า... อามะ ภันเต ปัสสามิ
แก่ว่า... อายะติง อาวุโส สังวะเรยยาสิ
ผู้รับ...
อ่อนว่า... อายะติง ภันเต สังวะเรยยาสิ
แก่ว่า... สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ
ผู้แสดง...
อ่อนว่า... สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ
คำว่า อิตถันนามัง ให้เปลี่ยนเป็นชื่อของอาบัติที่ตนได้ถูกต้องเข้านั้น ดังนี้ว่า...
ถุลลัจจะยัง , ปาจิตติยัง , นิสสัคคิยัง ,
ปาจิตติยัง , ทุกกะฏัง , ทุพภาสิตัง (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
แต่ถ้าต้องอาบัติหลายตัวซึ่งมีวัตถุอย่างเดียวกัน อาทิเช่นปาจิตตีย์ เป็นต้น ท่านให้ใช้คำว่า...
สัมพะหุลา เป็น
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา ปาจิตติยาโย อาปัตติโย
อาปันโน ตา ปะฏิเทเสมิ ฯลฯ.
และถ้าต้องอาบัติหลายตัวซึ่งมีวัตถุต่างกัน อาทิเช่นอาบัติปาจิตตีย์ ท่านมีกำหนดให้ใช้คำว่า...
นานาวัตถุกาโย เป็น
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย
ปาจิตติยาโย อาปัตติโย อาปันโน ตา
ปะฏิเทเสมิ. ฯลฯ.
ถ้าอาบัติ ๒ ตัว ให้ใช้คำว่า เทว
ถ้าอาบัติ ๓ ตัวขึ้นไปให้ใช้คำว่า สัมพะหุลา
แต่ถ้าสงสัยในอาบัติที่ตนต้องให้แสดงดังนี้...
อะหัง อาวุโส อิตถันนามายะ อาปัตติยา เวมะติโก
ยะทา นิพเพมะติโก ภะวิสสามิ ตะทา ตัง อาปัตติง
ปะฏิกกะริสสามิ.
คำว่า อาวุโส นั้น ถ้าผู้แสดงอ่อนพรรษากว่าให้เปลี่ยนเป็น ภันเต คำว่า อิตถันนามายะ ให้เปลี่ยน
เป็นชื่อของอาบัติที่ตนได้ต้องเข้าแล้วนั้น