งานมงคล ได้แก่การทำบุญ เพื่อความสุขความเจริญ โดยปรารภเหตุดี เช่น ทำบุญวันเกิด
ทำบุญฉลองอายุครบ ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญเนื่องในงานมงคลสมรส ทำบุญฉลองเกียรติยศ เหล่านี้เป็นต้น ในงานมงคลมีวิธีปฏิบัติดังนี้
๑. อาราธนาพระสงฆ์ เมื่อกำหนดวันงานแน่นอนแล้ว ไปอาราธนาพระตามจำนวนที่ต้องการ
ก่อนถึงวันงานอย่างน้อย ๓ ถึง ๗ วัน การอาราธนานั้น ถ้าสามารถเขียนหรือพิมพ์เป็นฎีกานิมนต์
ได้เป็นการดีที่สุด โดยบอกกำหนด วัน เดือน ปี เวลา และงานให้ละเอียด
๒. จำนวนพระที่นิมนต์ ตามปกติจำนวนนี้คือ ๕ รูป ๗ รูป ๙ รูป แต่ส่วนมากนิยมนิมนต์ ๙
รูป ถือกันว่าเลข ๙ เป็นเลขมงคลขลังดี งานนั้นจะได้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าเป็นงานมงคล
สมรส นิยมนิมนต์จำนวนคู่คือ ๖ รูป ๘ รูป ๑๐ รูป ส่วนมากงานมงคลสมรสนิยม ๘ รูป ถ้าเป็น
พระราชพิธีนิยม ๑๐ รูป เป็นอย่างน้อย
๓. ตั้งโต๊ะหมู่ นิยมจัดไว้ทางด้านขวามือของพระสงฆ์ โดยให้พระพุทธผินพระพักตร์ไปด้าน
เดียวกับพระสงฆ์ ถ้าสถานที่อำนวยให้ผินพระพุทธรูปไปทางด้านทิศตะวันออก หรือทิศเหนือ
ได้ยิ่งดี ถ้าสถานที่ไม่พอก็ให้จัดตามความเหมาะสมกับสถานที่ พระพุทธรูปที่จะนำมาตั้งโต๊ะ
บูชานั้น ไม่ให้มีครอบและเล็กจนเกินไป หรือใหญ่เกินไป ถ้าโต๊ะบูชาใหญ่เล็ก ก็ให้จัดพระบูชา
เหมาะสมตามส่วน มีแจกันดอกไม้ พานดอกไม้จัด ๓ หรือ ๕ พาน แจกันจะใช้ ๑ - ๒ คู่ก็ได้
แล้วแต่ขนาดของโต๊ะ กระถางธูปให้ปักไว้ ๓ ดอก เชิงเทียน ๑ คู่ พร้อมเทียน
๔. ขันน้ำมนต์ จะใช้ขัน หรือบาตรหม้อน้ำมนต์มีเชิงก็ได้ ใส่น้ำสะอาดพอควร มีเทียนน้ำมนต์
ขี้ผึ้งอย่างดี ๑ - ๒ เล่ม (เทียนรอบหัวแต่ตัว) ใบเงินใบทองอย่างละ ๕ ใบ มัดหญ้าคาหรือก้าน
มะยม สำหรบประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ๑ มัด ถ้าใช้ใบมะยมใช้ก้านสด ๙ ก้าน ถ้ามีการเจิม
ก็เตรียมแป้งกระแจะ ใส่น้ำหอมในผอบเจิมด้วย ถ้ามีการปิดทองด้วย ก็เตรียมทองคำเปลว ไว้
ตามต้องการไว้ในพาน ตั้งไว้ข้างบาตรน้ำมนต์ด้วย
๕. ด้ายสายสิญจน์ ใช้ด้ายดินจับ ๙ เส้น ๑ ม้วน โยงรอบบ้านหรือบริเวณพิธี เวียนจากซ้ายไป
ขวา โยงเข้าหาพระประธานที่โต๊ะหมู่บูชา เวียนซ้ายไปขวาเช่นเดียวกัน ไม่ควรเอาไปพันไว้ที่
องค์พระประธาน เวียนรอบฐานพระโยงมาที่ขันหรือบาตรน้ำมนต์เวียนขวา แล้วนำด้ายสาย
สิญจน์วางไว้บนพานรองตั้งไว้ข้างโต๊ะบูชาใกล้กับพระเถระ องค์ประธานในสงฆ์
เรื่องด้ายสายสิญจน์นี้มีข้อควรระวังเป็นพิเศษคือ ห้ามข้ามกรายเป็นเด็ดขาด แม้ที่สุดจะหยิบ
ของข้ามหรือยื่นมือไปเขี่ยบุหรี่ บ้วนน้ำหมากน้ำลาย ก็ไม่ควรข้ามด้ายสายสิญจน์อย่างยิ่ง เพราะ
นอกจากเป็นการแสดงความไม่เคารพในพระพุทธเจ้า หรือถ้าเป็นงานศพก็ไม่เป็นการเคารพใน
ผู้ตาย และยังเป็นผู้ที่ถูกติเตียนด้วย หากมีความจำเป็นจริงๆ ก็ควรสอดมือไปทางใต้ด้ายสาย
สิญจน์
๖. การปูอาสนะสำหรับพระสงฆ์ ควรใช้เสื่อหรือพรหมปูเสียชั้นหนึ่งก่อน นิยมใช้กัน ๒ วิธีคือ
ยกพื้นอาสนะสงฆ์ให้สูงขึ้น โดยใช้เตียงหรือแคร่ม้ายาววางต่อกันให้พอจำนวนแก่สงฆ์ และอีก
วิธีหนึ่ง ปูลาดอาสนะบนพื้นธรรมดา อาสนะสงฆ์ชนิดยกพื้นนิยมใช้ผ้าขาวปูลาด จะมีผ้านิสีท-
นะปูอีกชั้นหนึ่ง หรือไม่ก็ได้ โดยอาสน์สงฆ์ยกพื้นนี้ มักจัดในสถานที่ที่ฝ่ายเจ้าภาพนั่งเก้าอี้กัน
ส่วนอาสนะชนิดที่ปูลาดบนพื้นธรรมดา จะใช้เสื่อหรือพรมผ้าที่สมควรก็สุดแท้แต่ที่จะหาได้
ข้อสำคัญควรระวัง อย่าให้อาสนะพระสงฆ์กับอาสนะของคฤหัสถ์ฝ่ายเจ้าภาพเป็นอันเดียวกัน
ควรปูลาดให้แยกจากกัน ถ้าจะเป็นแยกกันไม่ได้โดยปูเสื่อหรือพรมไว้เต็มห้อง สำหรับอาสนะ
สงฆ์ ควรปูทับเสื่อหรือพรมอีกชั้นหนึ่งจึงจะเหมาะสม โดยใช้ผ้าขาวหรือผ้านิสีทนะก็ได้ ปู
เรียงองค์เป็นระยะใหห่างกันยพอสมควร อย่าให้ชิดกันเกินไป มีหมอนอิงข้างหลังเรียงองค์เท่า
จำนวนที่นิมนต์มาในงานนั้นๆ
๗. เครื่องรับรองพระ ก็มีกระโถน, ภาชนะน้ำเย็น, พานใส่หมากพลูบุหรี่ วางไว้ทางด้านขวา
มือของพระสงฆ์เป็นรายรูป ถ้าของมีจำกัด ๒ รูปต่อ ๑ ที่ก็ได้ วางเรียงจากข้างในมาหาข้าง
นอก ตามลำดับ คือกระโถนไว้ในที่สุด ถัดมาภาชนะน้ำเย็น และพานหมากพลูบุหรี่ ส่วนน้ำชา
หรือเครื่องดื่ม เมื่อพระสงฆ์เข้านั่งเรียบร้อยแล้ว ค่อยถวายก็ได้
๘. ล้างเท้า - เช็ดเท้าพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์มาถึงบ้าน ฝ่ายต้อนรับจะคอยล้างเท้าให้ท่าน จะ
ให้ท่านล้างเท้าเองดูไม่เหมาะ เพราะน้ำอาจมีสัตว์ขัดกับพระวินัย และคอยเช็ดเท้าให้ท่านด้วย
๙. ประเคนเครื่องรับรองพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์เข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว พึงเข้าประเคน
ของรับรองพระที่เตรียมไว้ปแล้ว คือภาชนะน้ำเย็น พานหมากบุหรี่ ประเคนของที่อยู่ข้างใน
ก่อน เสร็จแล้วน้ำชาหรือน้ำอัดลมถวายทีละองค์จนครบ