เมื่อตอนที่แล้ว ท่าน พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ ได้เริ่มอธิบายถึงศีลข้อที่ ๓ แต่มาค้างตรงประเด็น
ที่ว่าหญิง - ชายประเภทไหน จึงจะเรียกว่า หญิงต้องห้าม ชายต้องห้าม ซึ่งถ้าใครไปยุ่งเกี่ยว
ด้วย จะผิดศีลข้อ ๓ สำหรับครั้งนี้ เรามาฟังคำเฉลยกัน ท่าน พ.อ.ปิ่น ท่านพูด ถึงหญิง ต้อง
ห้ามก่อน โดยท่านบอกว่า"หญิงที่ต้องห้าม มี ๓ จำพวก คือ
๑. หญิงมีสามี หมายถึงหญิงที่อยู่กินกับชายอื่นฐานภรรยาสามี ทั้งนี้ไม่ว่าเขาจะได้ทำพิธี
แต่งงานกันหรือไม่ก็ตาม และจะได้จดทะเบียน สมรสตามกฎหมายหรือไม่ ไม่ถือเป็นประ
มาณ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า เขาได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากันโดยเปิดเผยเท่านั้นหญิงประเภทนี้
จะหมดภาวะที่เป็นหญิง ต้องห้าม ก็ต่อเมื่อสามีตายแล้ว หรือได้บอกหย่าขาดกับสามีแล้ว
หญิงที่สามีถูก กักขัง เช่นจำคุก ถ้าไม่ได้หย่าขาดจากกัน ก็คงถือว่าหญิงมีสามี แม้สามี ต้อง
จองจำตลอดชีวิต ตนก็ยังอยู่ในฐานะเป็นหญิงต้องห้าม จนกว่าสามีจะสิ้นชีวิต ชายใดสมสู่
ด้วยผิดศีลและเมื่อเล็งถึงการทำลายความไว้วางใจกัน นอกจากการ ร่วมสังวาสแล้ว ผู้รักษา
พึงเว้น แม้การผูกสมัครรักใคร่ฐานชู้สาว การเกี้ยวพาราสี หรือแม้แต่เล่นหูเล่นตา กับภรรยา
ท่านผู้อื่นในเชิงชู้สาว
๒. หญิงมีญาติปกครอง คือหญิงสาวที่ไม่เป็นอิสระแก่ตน แต่อยู่ในการ ปกครองดูแลของพ่อ
แม่ พี่ ป้า น้า อาหรือผู้อุปการะ ซึ่งนับว่าเป็นผู้ใหญ่ของตน หญิงประเภทนี้ ถ้าชายอยากได้
มาเป็นภรรยาก็ต้องติดต่อสู่ขอจากผู้ใหญ่ ให้ชอบ ด้วยประเพณีจัดได้เป็นศรีแก่ตนและวงศ์
สกุล ชายใดลักลอบสมสู่หรือฉุดคร่า ลักพาเอาไป เป็นผิดศีลการผิดศีลในข้อนี้ เกิดจากการ
ขืนน้ำใจท่าน ทำให้ผู้มีพระคุณ ต้องช้ำใจ ผิดทั้งหญิงทั้งชายหญิงที่ผู้ใหญ่รับของหมั้นจาก
ชายแล้ว ตกลงว่าจะให้ แต่งงานด้วย นับแต่รับของหมั้นแล้ว หญิงนั้นย่อมเป็นสิทธิของคู่
หมั้น จนกว่าจะได้คืนของหมั้น หรือบอกเลิกการหมั้นเสีย"หญิงต้องห้าม ยังไม่หมดนะครับ
ยังมีเหลืออีกประเภทหนึ่ง แต่มีคำขยายความค่อนข้างยาวจึงขอยกไว้คราวหน้า ผู้ใดสนใจ
อย่าลืมติดตามในตอนต่อไปครับ