องค์ที่ ๑๔ สมเด็จพระสังฆราช(ปลด ป.ธ. ๙) วัดเบญจมบพิตร
สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภณ) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงดำรงตำแหน่งอยู่ ๒ พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ พระชนมายุได้ ๗๓ พรรษา
พระองค์มีพระนามเดิมว่าปลด ประสูติเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๒ ที่กรุงเทพมหานคร ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ที่วัดพระเชตุพน ฯ ทรงเริ่มเรียนภาษาบาลีตั้งแต่พระชนมายุ ๘ ปี เรียนมูลกัจจายน์ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้ประโยค ๑ ได้รับโปรดเกล้า ฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ให้อยู่ที่วัดเบญจมบพิตรฯ ต่อมาได้เข้าแปลประโยค ๒ และประโยค ๓ ได้ ทรงสอบได้ประโยค ๔ เมื่อพระชนมายุได้ ๑๓ ปี ประโยค ๕ ถึงประโยค ๗ เมื่อพระชนมายุได้ ๑๔,๑๕,๑๖ ปี ตามลำดับ ทรงสอบประโยค ๘ ได้เมื่อพระชนมายุได้ ๑๙ ปี และประโยค ๙ เมื่อพระชนมายุได้ ๒๐ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ทรงอุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒
พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระศรีวิสุทธิวงศ์
พ.ศ. ๒๔๖๖ เป็นราชาคณะชั้นราชที่ พระราชเวที
พ.ศ. ๒๔๖๘ เป็นเจ้าคณะแขวงกลาง จังหวัดพระนคร
พ.ศ. ๒๔๖๙ เป็นราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพมุนี
พ.ศ. ๒๔๗๑ เป็นเจ้าคณะมณฑลพายัพ
พ.ศ. ๒๔๗๒ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมโกศาจารย์
พ.ศ. ๒๔๗๓ เป็นกรรมการเถรสมาคม
พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นเจ้าคณะมณฑลพิษณุโลกและเป็นประธานคณะบัญชาการคณะสงฆ์แทนองค์สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว)
พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็นพระราชาคณะ ตำแหน่งเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏที่ พระพรหมมุนี
พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นสมเด็จพระราชา คณะตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ ชั้นสุพรรณบัฎที่ สมเด็จพระวันรัต
พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นสังฆนายก
พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นผู้บัญชาการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระสังฆราชเจ้าและรักษาการในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
พระองค์ทรงกระทำกิจทางพระศาสนามาโดยตลอด ด้วยประการต่าง ๆ เป็นอันมาก ตลอดพระชนมชีพ พอประมวล สรุปได้ดังนี้
ด้านการปกครอง เริ่มตั้งแต่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส เจ้าคณะแขวง เจ้าคณะมณฑล กรรมการเถรสมาคม ประธานคณะบัญชาการคณะสงฆ์ แทนองค์สมเด็จพระสังฆราช สังฆนายก และรักษาการในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช
ด้านการศึกษา เริ่มตั้งแต่การศึกษาในสำนักวัดเบญจมบพิตร ฯ การศึกษาในมณฑลพายัพ ทั้ง ๗ จังหวัด และแขวงกลางจังหวัดพระนคร เป็นกรรมการสอบพระปริยัติธรรมในสนามหลวง เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง เป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การศึกษา
ด้านการเผยแผ่ มีหนังสือธรรมที่ทรงนิพนธ์ พิมพ์ออกเผยแผ่ เป็นอันมาก เช่น มงคลภาษิต ปราภวภาษิต ศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมทั้งงานพระธรรมเทศนา ในโอกาสต่าง ๆ ที่ได้รับการยอย่องว่า มีสำนวนโวหารง่าย ๆ เป็นที่เข้าใจทราบซึ้ง
ด้านการต่างประเทศ ได้เสด็จไปต่างประเทศเพื่อการพระศาสนาหลายครั้ง คือ
- พ.ศ. ๒๔๘๒ ไปตรวจการณ์คณะสงฆ์ ไทรบุรี และปีนัง แทนสมเด็จพระสังฆราช
- พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นหัวหน้าคณะไปร่วมงานฉัฎฐสังคายนาจตุตถสันนิบาต (สมัยไทย) โดยเป็นประธาน กระทำพิธีเปิดประชุมสังคายนา ณ สหภาพพม่า
- พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นหัวหน้าคณะไปร่วมพิธีฉลอง พุทธชยันตี ๒๕ ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนา ณ ประเทศลังกา และไปสังเกตการพระศาสนาในประเทศอินเดีย
- พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นหัวหน้าคณะไปเป็นประธานประกอบพิธีบรรจุพระบรมธาตุ ณ วัดบุปผาราม เมืองปีนังสหพันธรัฐมาลายา
- พ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นหัวหน้าคณะไปร่วมพิธีฉลองพระพุทธชยันตี ๒๕ ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนา ณ ประเทศญี่ปุ่น และในปีเดียวกันนี้ ได้นำพระสงฆ์ไทยไปอยู่ ณ วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย และได้เสด็จไปมนัสการสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง ที่อินเดีย
- พ.ศ. ๒๕๐๔ เสด็จไปสังเกตการพระศาสนา ในสหรัฐอเมริกา ตามคำทูลอาราชธนาของมูลนิธิเอเซีย
งานด้านวิชาการและงานพิเศษ มีงานสำคัญคือ
- ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้รับมอบให้เป็นผู้ชำระคัมภีร์อรรถกถาพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ๔ คัมภีร์ คือ อรรถกถาอุทาน อิติวุตตก มหานิเทศ และจุลนิเทศ
- ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ได้รับมอบให้เป็นผู้ชำระคัมภีร์พระสุตตันคปิฎก ขุททกนิกาย ๓ คัมภีร์ คือ มหานิเทศ จุลนิเทศ และชาดก และได้ชำระคัมภีร์ สารัตถทีปนี ฎีกาพระวินัย
- ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้เป็น ประธานกรรมาธิการแปล พระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย จนจบพิมพ์เป็นเล่มได้จำนวน ๘๐ เล่ม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐
- เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้เป็นประธานสงฆ์ในงานรัฐพิธีฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษของไทย