ณ.วัดป่าลำดวน บ้านตาเส็ด - โนนตูมถาวร

     

ขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาในพระทธศาสนาทุกท่าน
ได้ร่วมสมทบทุนทำการเสนาสนะก่อสร้างกุฏิ เพื่อรับรองพระเถรานุเถระ

ณ.วัดป่าลำดวน บ้านตาเส็ด - โนนตูมถาวร
ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
(ในขณะนี้ก็กำลังตกอยู่ในระหว่างทำการก่อสร้างกูฏิขึ้น)

ซึ่งเป็นวัดที่สัปปายะอยู่ในป่าเหมาะแก่การเจริญอบรมจิตตภาวนา
สำหรับพระภิกษุสงฆ์สามเณรที่ต้องการความสงบแห่งใจ (วิเวก)
วัดป่าลำดวนแห่งนี้ ยังไม่ค่อยมีการก่อสร้างถาวรวัตถุ
มากมายแต่อย่างใด จึงขอเรียนเชิญท่านมา ณ โอกาสนี้ได้ร่วมเสียสละเพื่อ
สร้างประโยชน์ให้แก่ตนและพระศาสนาด้วยการสมทบทุน สร้างเสนาสนะกุฏิสงฆ์
ทางไดบุญตลอดการที่พระศาสดาไดตรัสไว้ม้อยูว่า
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
"... ชนเหล่าใดสร้างสวน ปลูกป่าไม้ ปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกให้ผล ชนเหล่าใดปลูกหมู่ไม้ สร้างสะพาน ชนเหล่าใดสร้างแหล่งน้ำ สร้างที่รองน้ำดื่มเป็นทาน ขุดบ่อ สร้างที่พักอาศัย

ชนเหล่านั้นย่อมมีบุญ ได้บุญในกาลทุกเมื่อ ได้บุญอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน ชนผู้เช่นนั้นแหละ ถือว่าเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในธรรม เป็นผู้มีศีล เป็นผู้ดำเนินไปสู่สวรรค์ ..."
ดังนั้น อาตมาภาพ ขอเชิญชวนท่านได้ร่วมสร้างสมบัติที่ดีงามให้แกชีวิตของตนกันเถิด

ท่านสามารถทำบุญได้ตามกำลังทรัพย์กำลังศรัทธาของท่าน
หรือจะร่วมเป็นกองทุน เจ้าภาพกองทุนละ ๕๐๐ บาท

ติดต่อสอบถามมาไดที่ พระสุโชติ ธัมมโชโต
วัดเทียบศิลาราม บ้านหลักหินใหม่ หมู่ที่ ๑๘ ตำบลบักดอง
อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
หรือร่วมทำบุญได้ที่ธนาคารกรุงไทยสาขาขุนหาญ
หมายเลขบัญชี 326-0-18520-8
ชื่อบัญชี พระสุโชติ ธัมมโชโต
(ท่านที่ร่วมทำบุญโปรดได้โทรแจ้งด้วย จะอนุโมทนาบุญอย่างมากๆ)

โทร.๐๘๙ - ๒๘๒ - ๕๙๔๖,๐๘๑ - ๔๕๔-๖๒๗๕

ขออานุภาพพระไตรรัตน์เป็นฉัตรกั้น
ให้ทุกท่านภิญโญสโมสร
เจริญในชาติศาสนาพระชินวร
ขออำนวยอวยพรให้มีสุขทั่วทุกคน
ปรารถนาสิ่งใดที่ตั้งไว้ในดวงจิต
ให้สำฤทธิ์ด้วยอำนาจบุญกุศล
ทุกข์โทษภัยพาลใดมาจราจญ
ให้ผ่านพ้นด้วยกุศลบุญนี้เทอญ



ขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่าน
โดย พระสุโชติ ธัมมโชโต

อานิสงส์สร้างกุฎีวิหาร

......ในกาลครั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดา เสด็จประทับอยู่ ณ ลัฏฐิวันสวนตาลหนุ่ม พระองค์เที่ยว
โปรดเวไนยสัตว์ให้ได้มรรค ๔ ผล ๔ ในครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสาร ได้ครองราชสมบัติที่กรุงราชคฤห์ก็มี
จิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า แล้วก่อสร้างกุฎีวิหารในพระราชอุทยานเวฬุวัน สวนป่าไม้ไผ่ ให้
เป็นวัดแรกในพุทธศาสนาถวายแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าพ ร้อมกับภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พร้อมกับถวาย
ภัตตาหารเป็นสังฆทานสมเด็จพระบรมศาสดา พร้อมกับภิกษุสงฆ์เสร็จภัตตากิจแล้ว พระเจ้าพิมพิสาร
ทูลถามว่า ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญสาธุชนทั้งหลายมีใจศรัทธา ปสันนาการ เลื่อมใสมาก่อสร้างกุฎี
วิหารถวายเป็นสังฆทานนั้น จะได้ผลานิสงส์เป็นประการใด ขอให้พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา
ให้ข้าพุทธเจ้า พร้อมบริษัททั้งหลายให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยเถิดพระพุ ทธเจ้าข้า องค์สมเด็จพระบรมศาสดา
ทรงแสดงพระธรรมเทศนาว่า ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร บุคคลผู้ใดมีจิตศรัทธาเลื่อมใสพระ
รัตนตรัยแล้วก่อสร้างกุฎีวิหารศาลาคูหาน้อยใหญ่ ถวายเป็นทาน จะประกอบด้วยผลอานิสงส์มาก เป็น
อเนกประการนับได้ถึง ๔๐ กัลป์

พระองค์ทรงนำอดีตนิทานมาเทศนาต่อไปว่า อดีต ในอดีตกาลล่วงมา
แล้ว พระพุทธเจ้ายังมิได้อุบัติบังเกิดในโลกยังศูนย์เหล่า อยู่สิ้นกาลช้านานในระหว่างนั้นพระปัจเจกโพธิ
เจ้าทั้งหลายก็ได้บังเกิดตรัสรู้ในโลกนี้ เมื่อพระปัจเจกโพธิเจ้าก็อาศัยในป่าหิมพานต์ อยู่มาวันหนึ่งมี
ความปรารถนาเพื่อจะมาใกล้หมู่บ้านอันเป็นว่านแคว้นกา สิกราชมาอาศัยอยู่ในราวป่าแห่งหนึ่งแถบใกล้
บ้านนั้นมีนายช้างคนหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านนั้น ก็ไปป่ากับลูกชายของตน เพื่อจะตัดไม้มาขายกินเลี้ยงชีพ
ตามเคย ก็แลเห็นพระปัจเจกโพธิเจ้านั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พ่อลูกสองคนก็เข้าไปใกล้น้อมกายถวาย
นมัสการแล้ว ทูลถามว่าข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าจะไปไหน จึงมาอยู่ในสถานที่นี้ พระปัจเจกโพธิจึงตอบว่า
ดูกรอาวุโส บัดนี้จวนจะเข้าพรรษาแล้ว อาตมาเที่ยวแสวงหากุฏีวิหาร ที่จะจำพรรษา นายช่างก็อาราธนา
ให้อยู่จำพรรษาในที่นี้พระปัจเจกโพธิ ทรงรับด้วยการดุษณียภาพสองคนพ่อลูกก็ดีใจ จึงขออาราธนา
พระผู้เป็นเจ้าเข้าไปสู่เรือน ถวายบิณฑบาตทานแก่พระปัจเจกโพธิสองคนพ่อลูกก็เที่ยวต ัดไม้แก่นมาทำ
สร้างกุฎีวิหารที่ริมสระโบกขรณีใหญ่ และทำที่จงกรมเสร็จแล้วขออาราธนา พระผู้เป็นเจ้าจงอยู่ให้เป็น
สุขเถิดพระเจ้าข้า

ครั้นพระปัจเจกโพธิได้รับนิมนต์แล้ว สองคนพ่อลูกตั้งปฏิธานความปรารถนา ขอให้
ข้าพเจ้าพ้นจากทุกข์ยากไร้เข็ญใจ และขอให้ข้าพเจ้าทั้งสองนี้ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพผ ู้ประเสริฐองค์
หนึ่งเถิด พระปัจเจกโพธิก็รับอนุโมทนาซึ่งบุญ นายช่างสองคนพ่อลูกอยู่จนสิ้นอายุขัยแล้วก็ทำกาลกริร ิ
ยาตายไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองเป็นที ่รองรับ และเทพอัปสรแวดล้อมเป็นบริวาร
เสวยทิพย์สมบัติอยู่ในสวรรค์สิ้นกาลช้านานจุติจากสวร รค์นั้นแล้วก็ไปบังเกิดเป็นราชบุตรของ
พระเจ้าสุโรธิบรมกษัตริย์ในเมืองมิถิลามหานคร ทรงพระนามว่ามหาปนาทกุมาร ๆ เจริญวัยขึ้นได้
เสวยราชสมบัติ เป็นพระยาจักรพรรดิราช ด้วยอานิสงส์ที่ได้สร้างกุฎีวิหารถวายเป็นทานแก่
พระปัจเจกโพธิ ครั้นตายจากชาติเป็นพระยามหาปนาทแล้ว ก็เวียนว่ายตายเกิดในมนุษย์สมบัติสวรรค์
สมบัติ แล้วก็มาเกิดเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฎิอยู่ในภัททิยนคร ชื่อว่า ภัททชิ ก็ได้ปราสาท ๓ หลัง อยู่
ใน ๓ ฤดู ครั้นเจริญวัยได้บวชในศาสนาสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในศาสนาของตถาคตดังนี้แล ส่วน
เทพบุตรองค์พ่อนั้น ยังเสวยทิพย์สมบัติอยู่ในสวรรค์ช้านานจนถึงศาสนาพระศ รีอริยเมตไตรย์ลงมาตรัส
สัพพัญญู เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในมนุษย์โลก ได้จุติลงมาปฏิสนธิในครรภ์ พระอัครมเหสีสมเด็จ
พระเจ้ากรุงเกตุมวดี ทรงพระนามว่าสังขกุมาร ครั้นเจริญวัยแล้วก็ขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงพระนาม
ว่าสมเด็จพระเจ้าสังขจักรบรมกษัตริย์ มีทวีปน้อยใหญ่เป็นบริวาร พระองค์จึงได้สละราชสมบัติบ้าน
เมืองออกไปบรรพชา ในสำนักพระศรีอริยเมตไตรย์ กับทั้งบริวาร ๑ โกฎิ ก็ได้ถึงอรหันต์ได้เป็นอัคร
สาวกเบื้องขวา ทรงพระนามอโสกเถระ ก็ด้วยอานิสงส์ได้สร้างกุฎีให้เป็นทานนั้นแล อันเป็นบุญให้ถึง
ความสุข ๓ ประการ คือ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ



3,824






จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย