"อุบาสิกาสำคัญในสมัยพุทธกาล"
คำว่า "อุบาสิกา"
หมายถึง หญิงผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย , คนใกล้ชิดพระ ศาสนาที่เป็นหญิงที่แสดงตนเป็นคนนับถือพระพุทธศาสนา
โดยประกาศถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
ปฐมอุบาสิกา
หรืออุบาสิกาคนแรกในพระพุทธศาสนา มีอยู่สอง คือ นางสุชาดาผู้เป็นมารดาของพระยสะ
และภรรยาเก่าของพระยสะดังกล่าวถึงแล้วในเรื่องราวของบิดาพระยสะ
อุบาสิกาสองผู้อัครอุปัฏฐายิกา
(ผู้อุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสามเณรที่เป็นหญิง) คือนันทมารดา
และอุตราอุบาสิกา
นกุลมารดา
เรื่องราวของนางกล่าวถึงใน "นกุลบิดา" ท่านนกุลมารดาได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นเอตทัคคะในบรรดา
อุบาสิกาผู้สนิทสนมค้นเคย
นันทมารดา เป็นอุบาสิกาสองผู้อัครอุปัฏฐายิกา เป็นอนาคามีคือพระอริยบุคคลผู้ได้บรรลุอนาคามิผล
(ผลที่ได้รับจากการละสังโยชน์คือ กามราคะ และปฏิฆะ ด้วยทางปฏิบัติ
เพื่อบรรลุผลเป็นผู้ชำนาญในฌาน ๔ ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะทางบำเพ็ญ
วิสาขา
เป็นธิดาของธนัญชัยเศรษฐีและนางสุมนา เกิดที่เมืองภัททิยะในแคว้นอังคะ
ได้บรรลุโสดาปัตติผลตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ต่อมาได้ย้ายตามบิดามาอยู่ที่เมืองสาเกต
แคว้นโกศล แล้วได้สมรสกับพุตรชายมิคารเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถีและย้ายไปอยู่ในตระกูลฝ่ายสามี
นางวิสาขาสามารถกลับใจมิคารเศรษฐี บิดาของสามีซึ่งนับถือพระพุทธศาสนามิคารเศรษฐี
นับถือนางมากและเรียกนางวิสาขาเป็นแม่ นางจึงได้ชื่อใหม่อีกอย่างหนึ่งว่า
"มิคารมารดา"
นางวิสาได้อุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสงฆ์อย่างมากมายและได้ให้ขายเครื่องประดับประจำตัวตั้งแต่แต่งงานซึ่งมีแลค่าสูงยิ่ง
นำเงินมาสร้างวัดถวายแด่พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์คือ มิคารมาตุปราสาท
วัดบุพาราม ณ พระนครสาวัตถี อยู่ใกล้ชิดกับมหาวิหารเชตวันที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย
นางวิสาขามีบุตรหลานมากมายล้วนมีสุขภาพดีแทบทั้งนั้น
แม้นางจะมีอายุยืนถึง ๑๒๐ ปี ก็ดูไม่แก่ และเป็นบุคคลที่ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวางในสังคม
ได้รับการยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นเอตทัคคะในบรรดาทายิกาทั้งปวง
(ทายิกา = ผู้ให้)
สุชาดา
เป็นธิดาของผู้มีทรัพย์ซึ่งเป็นนายใหญ่แห่งชาวบ้านเสนานิคม
ตำบลอุรุเวลา นางได้ตั้งปณิธานบูชาเทพารักษ์ไว้ว่า ขอให้นางได้สามีที่มีตระกูลเสมอกัน
และขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย ครั้นได้สามีและบุตรสมที่นึกปราถนา
นางจึงหุงข้าวมธุปายาสนำไปบวงสรวง เทพารักษ์ที่ได้บนบานไว้
ในยามเช้าของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พระมหบุรุษประทับนั่ง
ณ ควงไม้นิโครธพฤกษ์ ควงไม่ไทรต้นที่นางสุชาดาบนบานไว้
นางสุชาดาได้ถวายข้าวปายาสแก่พระมหาบุรุษในเวลาเช้าของวันที่ตรัสรู้
ด้วยความเข้าใจว่าพระองค์เป็นรุขเทวดาโดยแท้
บุตรชายของนางสุชาดาชื่อยสะ
ซึ่งต่อมาออกบวชเป็นพระอรหันต์องค์ที่ ๖ ในพระพุทธศาสนา
นางสุชาดาได้เป็นปฐมอุบาสิกาพร้อมกับภรรยาเก่าของพระยสะ
ส่วนสามีของนางได้เป็นอุบาสสกที่ถึงสรณะครบ ๓ คือ พระรัตนตรัยเป็นคนแรก
นางสุชาดาได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคุในบรรดาอุบาสิกาผู้ถึงสรณะเป็นปฐม
|