Warning: file(../ad468.txt): failed to open stream: No such file or directory in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/randomad468.php on line 4
 
 
พระพุทธศาสนา
หัวข้อธรรม
ธรรมะปฏิบัติ
ศาสนพิธี
วันสำคัญทางศาสนา
ทำเนียบวัดไทย
พระพุทธศาสนาในไทย
คลิ๊กอ่านรายละเอียด
คลิ๊กอ่านละเอียด
คลิ๊กอ่านรายละเอียด
รวบรวมบทสวดมนต์และพระคาถาต่างๆ
+ The British Dispensary (L.P.)
+ Spa Of Eternity

+ ฟัง เพลงธรรมะบนอินเตอร์เน็ท ++
นิทาน ธรรมะ บันเทิง

ลิงยอดกตัญญู
เรื่องจาก : นิทานธรรมะ ฉบับพิเศษ
จำนวนคนอ่าน คน
โดย : ธรรมสภาี  
วันที่ online : ๒๘ มีนาคม ๒๕๔๘  


    บริเวณป่าใหญ่แห่งหนึ่งในเขตเทือกเขาหิมพานต์ มีฝูงลิงอยู่ฝูงหนึ่งซึ่งมีลิง ๒ พี่น้อยเป็นผู้ควบคุมดูแล

ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นลิงตัวพี่ชื่อ "มหานันทิยะ" ส่วนพระสารีบุตรเกิดเป็นลิงตัวน้องชื่อ "จูฬนันทิยะ"

ลิง ๒ พี่น้องมีลิงบริวารอยู่ ๘๐,๐๐๐ ตัว แม่ลิงของลิงทั้งสองนั้นตาบอด จึงเป็นหน้าที่ของลิง ๒ พี่น้องต้องช่วยกันดูแลเลี้ยงดู

คราวหนึ่ง ลิง ๒ พี่น้องต้องพาบริวารไปหากินไกลจากที่อยู่ แต่ได้มอบหมายให้ลิงตัวหนึ่งนำผลไม้มาให้แม่ลิงกิน ผลปรากฏว่าลิงที่ได้รับมอบหมายให้นำผลไม้มานั้นกลับคิดไม่ซื่อเก็บไว้กินเสียเอง ลิง ๒ พี่น้องกลับมาเห็นแม่ลิงซูบผอมจึงถามความจริง

          "แม่ ทำไมผอมลงเล่า แม่ไม่ได้กินผลไม้ที่ลูกส่งมาให้หรือว่าแม่ไม่ชอบ ผลไม้เหล่านั้นเหล่านั้นล้วนมีรสชาติอร่อยทั้งสิ้น"
          "ผลไม้ที่ไหนลูก แม่ไม่เคยได้เลย" แม่ลิงตอบ
          ลิงมหานันทิยะได้ฟังแม่พูดเช่นนั้น ก็เข้าใจทันทีว่าลิงที่มอบหมายให้นำผลไม้มาให้คิดไม่ซื่อ จึงเกิดสะเทือนใจแล้วคิดว่า
          "เรามัวแต่ดูแลบริวารให้ได้รับความสุข ต่อนี้ไปเราจักออกจากการเป็นหัวหน้าฝูงลิงมาเลี้ยงดูแม่ดีกว่า"

ครั้งคิดได้ดังนี้ ลิงมหานันทิยะก็เรียกน้องชายคือลิงจูฬนันทิยะ มาปรึกษาแล้วมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลบริวารแทน

          "น้องรัก น้องช่วยดูแลบริวารแทนที่ด้วย พี่จักลาออกเพื่อมาทำหน้าที่เลี้ยงดูแม่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วไม่มีเวลาดูแลแม่แน่"
          "ไม่ละพี่ ฉันไม่ต้องการดูแลบริวารหรอก ฉันก็อยากดูแลแม่เหมือนกัน" ลิงจูฬนันทิยะปฏิเสธพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผล

เป็นอันว่า ลิง ๒ พี่น้องยอมสละตำแหน่งหัวหน้าฝูงมาเลี้ยงดูแม่ลิงซึ่งบัดนี้แก่เฒ่าแล้ว ทั้งสองพาแม่ลิงลงจากป่าหิมพานต์มาอยู่ที่ต้นไทรต้นหนึ่งใกล้ชายแดน สามแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยลิง ๒ พี่น้องต่างผัดเปลี่ยนกันออกไปหาผลไม้มาให้แม่ลิง

          "เหนื่อยไหมลูก" แม่ลิงมักถามลูก ๆ อย่างนี้เสมอ
          "ไม่เหนื่อยหรอกจ้าแม่" ลูกๆ จะพากันตอบแบบนี้ทุกครั้งซึ่งแม่ลิงได้ฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจ ส่วนลิง ๒ พี่น้องก็อบอุ่นใจ

ทางด้านเมืองพาราณสี มีพราหมณ์หนุ่มคนหนึ่งศึกษาศิลปวิทยาจบมาจากสำนักของพราหมณ์ทิศาปาโมกข์ แหละพราหมณ์หนุ่มคนนี้มีนิสัยหยาบคายร้ายกาจและใจร้อน อาจารย์ทิศาปาโมกข์มองดูศิษย์ซึ่งเข้ามาอำลากลับบ้านเกิดด้วยความเป็นห่วง

          "ลูกรัก ลูกเป็นคนใจร้อน จำคำพูดของพ่อไว้ให้ดีนะว่าความใจร้อน ความหยาบคายร้ายกาจจะทำให้ลูกเดือดร้อนจงพยายามปรับปรุงนิสัยใจคนให้เป็นคนสุภาพ อะไรก็ตามที่ ทำไปแล้วจะทำให้เดือดร้อนก็อย่าไปทำ" อาจารย์ทิศาปาโมกข์เตือนศิษย์
          "ผมจะพยายามทำอย่างที่อาจารย์แนะนำ" ศิษย์รับคำแล้วกราบลาอาจารย์

ครั้นกลับมาเมืองพาราณสีแล้ว พราหมณ์หนุ่มนั้นก็ครุ่นคิดหาวิธีเลี้ยงชีวิตตอนเองและครอบครัว เขามองไม่เห็นทางอื่นที่จะใช้ความรู้นอกจากการล่าสัตว์ เมื่อเห็นทางอย่างนี้เขาจึงตัดสินใจยึดอาชีพเป็นพรานเนื้อออกล่าสัตว์แล้วแล่เนื้อออกขาย เขาภูมิใจและมีความสุขที่เห็นสัตว์ป่าถูกยิงตายต่อหน้า

          "ฮ่า.....ฮ่า......จะหนีไปไหนพ้นวะเจ้าสัตว์น้อย" เขาหัวเราะคำรามลั่นอย่างนี้ทุกครั้งที่ปล่อยลูกธนูออกไป

เขาเป็นคนทำบาปขึ้น ทุกวันที่ออกไปล่าสัตว์จะต้องได้สัตว์ติดมือกลับมาทุกครั้ง ครั้นเมื่อได้มาแล้วก็มอบให้เมียแล่เนื้อออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเก็บไว้กิน ขระที่อีกส่วนหนึ่งนำออกขาย แต่วันหนึ่งนับเป็นวันที่เขาโชกร้ายเพราะไม่สามารถยิงสัตว์ป่าได้เลย เขารู้สึกหัวเสียและเดินง้างธนูออกล่าเหยื่อด้วยความเจ็บแค้น

          "ให้เจอเถอะน่า กูจะยิงไม่เลี้ยงเลย" เขาคำรามอยู่ในใจ
พราหมณ์หนุ่มผู้หยาบช้าเดินล่าเหยื่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงต้นไทรใหญ่ที่ลิง ๓ แม่ลูกอาศัยอยู่ เขาเดินตรงรี่ไปที่ต้นไทรนั่นพร้อมทั่งมีความหวัง
          "คงมีอะไรให้กูได้ยิงมั่งละวะ"

ขณะนั้นเอง ที่ต้นไทรนั้น ลิง ๒ ตัว พี่น้องกำลังปรนนิบัติแม่ลิงให้ลิงกินผลไม้อยู่ ลิงมหานันทิยะเห็น พรามหณ์หนุ่มถือธนูเดินเข้ามาก็คิดว่า

          "พราหมณ์คนนี้เห็นแม่ลิงแก่ ๆ คงไม่ทำอะไร"
          
จากนั้นตัวเองกับน้องจึงหลบอยู่ที่คาคบ

ฝ่ายพราหมณ์หนุ่มหยาบช้ามาถึงต้นไทรสอดสายตามองไปจนทั่วก็เห็นแม่ลิงกำลังนั่งกินผลไม้อยู่บนกิ่งต้นไทร

          "พอดีเลย...." เขาคิด "วันนี้เกือบทั้งวัน ยังไม่ได้เนื้อสักตัวเอาวะลิงแก่ก็ลิงแก่เถอะ เนื้อมันก็กินได้เหมือนกัน"

          คิดแล้ว เขาก็ง้างธนูเต็มที่หมายจะยิง ลิงมหานันทิยะคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา เห็นพราหมณ์หนุ่มแสดงท่าท่างเช่นนั้นแน่ใจว่าเหตุร้ายต้องเกิดขึ้นกับแม่ของตนแน่ จึงรับบอกลิงจูฬนันทิยะให้รู้ตัวและตนเองก็กระโดดออกมาขวางหน้าแม่ลิงไว้ พลางร้องบอกพราหมณ์หนุ่มว่า

          "ท่านนายพราน อย่ายิงแม่ของข้าพเจ้าเลย ท่านแก่มากแล้ว มิหนำซ้ำยังพิการอีกด้วย มายิงข้าพเจ้าดีกว่า ข้าพเจ้ายินดีสละชีวิตให้แม่"

          จากนั้นก็หันไปบอกลิงจูฬนันทิยะว่า "น้องรัก พี่ฝากแม่ด้วย"

พราหมณ์หนุ่มหยาบช้าไม่ได้เกิดความสงสารแม้แต่นิดเดียว เขาปล่อยลูกธนูใส่ลิงมหานันทิยะเต็มแรง ลิงมหานันทิยะถูกยิงกระเด็นตกจากต้นไทรและสิ้นใจตายทันที จากนั้นพราหมณ์หนุ่มก็สอดลูกธนูเตรียมจะยิงแม่อีก

          "อย่า..อย่า...ท่านนายพราน" ลิงจูฬนันทิยะขอร้องพลางกระโดดขวางหน้าแม่ลิง "อย่ายิงแม่ของข้าพเจ้าโปรดไว้ชีวิตท่านเถิด ข้าพเจ้ายินดีตายแทนแม่"

          พอขาดคำของลิงจูฬนันทิยะ พราหมณ์หนุ่มก็ยิงลูกธนูใส่เต็มแรงอีกเช่นกัน ผลก็คือ ลิงจูฬนันทิยะกระเด็นตกจากต้นไม้สิ้นใจตายคาที่ทันที จากนั้นเขาก็ยิงแม่ลิงอีกด้วย ผลปรากฎว่า วันนั้นเขาได้ยิงลิง ๓ ตัวแม่ลูกกลับบ้านด้วยความดีใจ

ขณะที่เขาหาบลิง ๓ แม่ลูกมุ่งหน้ากลับบ้านนั้น ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นที่บ้านของเขา กล่าวคือ เกิดฟ้าผ่าบ้านแล้วมีไฟลุกไหม้ครอกเมียและลูก ๒ คนตายหมดเหลือแต่ซากบ้านกับกองกระดูกของลูกเมีย ขณะนั้นเขาหาบลิงมาถึงทางเข้าหมู่บ้านพอดี ชาวบ้านเห็นเขาต่างรีบเข้ามาแจ้งข่าวร้ายทันที

ทันทีที่ได้ฟังข่าวร้ายนั้น เขาถึงกับร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ ไม่สามารถจะคุ้มสติไว้ได้ ทิ้งหาบวิ่งโร่ไปบ้านถึงขนาดผ้าผ่อนหลุดลุ่ยก็ไม่รู้ตัว เขาเข้าไปในซากบ้านของตัวเองแล้วทันใดนั้นเอง โครงบ้านที่เหลืออยู่ก็หล่นตีศรีษะเขาแตกเลือดอาบ เขาวิ่งออกจากบ้าน ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น แผ่นดินตรงที่เขายืนได้แยกออกแล้วดูดร่างเขาลับหาย ไปในพริบตา

นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การทำร้ายผู้ที่ไม่ได้คิดร้ายกับตนเองด้วยจิตใจที่โหดเหี้ยม ย่อมได้รับผลทันตาเห็น เหมือนพราหมณ์หนุ่มฆ่าลิง ๓ แม่ลูกผู้มีจิตใจสะอาดแล้วได้รับผลกรรมทันตาเห็นฉะนั้น

                              คนเราทำกรรมเหล่าใดไว้
                              เขาย่อมเห็นกรรมเหล่านั้นในตน
                              ผู้ทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี
                              ผู้ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว
                              คนเราหว่านพืชเช่นใด
                              ย่อมได้รับผลเช่นนั้น...

หน้าแรก พระพุทธศาสนา ประวัติพระพุทธสาวก หัวข้อธรรม ธรรมปฏิบัติ ศาสนพิธี วันสำคัญทางศาสนา ทศชาติชาดก วิทยุธรรมะไทย
พุทธศาสนสุภาษิต พจนานุกรมพุทธศาสน์ ทำเนียบวัดไทย คลังแสงแห่งธรรม พระพุทธศาสนาในเมืองไทย ข่าวธรรมะ กิจกรรมธรรมะ สมุดเยี่ยม
ธรรมะไทย - dhammathai.org Warning: include(../useronline.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/dhammastory/story66.php on line 579 Warning: include(../useronline.php): failed to open stream: No such file or directory in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/dhammastory/story66.php on line 579 Warning: include(): Failed opening '../useronline.php' for inclusion (include_path='.:/usr/local/lib/php') in /home/dhammathai/domains/dhammathai.org/public_html/dhammastory/story66.php on line 579