(ที่มาหของคำกลอน)
เขมาเขมสรณทีปิกคาถา
พาหุง เว สะระนัง ยันติ ปัพพะตานิ วะนานิ จะ
มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อเกิดภัยคุกคามแล้ว, ก็ถือเอาภูเขาบ้าง
อารามะทุกรุกขะเจต์ยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา,
ป่าไม้บ้าง, อาราม และรุกขเจดีย์บ้าง เป็นสรณะ;
เนตัง โข สะระณัง เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมัง,
นั่นไม่ใช่สรณะอันเกษมเลย, นั่น มิใช่สรณะอันสูงสุด;
เนตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ.
เขาอาศัยสรณะ นั่นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
โย จะ พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระนัง คะโต,
ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว;
จัตตาริ อะริยะสัจจาริ สัมมัปปัญญายะ ปัสสะติ,
เห็นอริยสัจจ์ ความจริงอันประเสริฐสี่ ด้วยปัญญาอันชอบ;
ทุกขัง ทุกขะสะมุปปาทัง ทุกขัสสะ จะ อะติกกะมัง
คือเห็นความทุกข์, เหตุให้เกิดทุกข์, ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้,
อะริยัญจัฏฐังคิกัง มัคคัง ทุกขูปะสะมะคามินัง
และหนทางมีองค์แปดอันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับทุกข์;
เอตัง โข สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง
นั่นแหละเป็นสรณะอันเกษม, นั่นเป็นสรณะอันสูงสุด
เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ.
เขาอาศัยสรณะ นั่นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
# 1 / tongsamut / 2 ม.ค. 2556 เวลา 13:07 น.
# 2 / ningnong1008@hotmail.com / 8 ม.ค. 2556 เวลา 12:19 น.
สาธุในธรรม...ขอรับ
# 3 / petoi / 4 เม.ย. 2556 เวลา 10:12 น.