|
|
พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร พระพุทธรูปในพระอิริยาบถประทับ
( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองซ้อนกันบนพระเพลา ( ตัก
) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย เป็นกิริยานั่งสมาธิ มองเห็นพระวรกายซูบผอมจนพระอัฐิ
( กระดูก ) และพระนหารุ ( เส้นเอ็น ) ปรากฏ
ความเป็นมาของปางบำเพ็ญทุกรกิริยาิ
|
พระบรมโพธิสัตว์ทรงศึกษาจนสำเร็จสมาบัติ
๗ จากสำนักอาฬารดาบสและสมาบัติ ๘ จากสำนักอุทกดาบส อุทกดาบสได้ตั้งพระบรมโพธิสัตว์ไว้ในตำแหน่งอาจารย์เสมอด้วยตนเอง
แต่พระบรมโพธิสัตว์เห็นว่าวิชาที่ศึกษามายังมิใช่หนทางแห่งโพธิญาณ
จึงอำลาออกจากสำนัก ทรงแสวงหาหนทาง ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม มีปัญจวัคคีย์ ทั้ง ๕ ได้แก่ โกณฑัญญะ
วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ เป็นอุปัฏฐาก พระบรมโพธิสัตว์ทรงกระทำทุกรกิริยา
เช่น ลดอาหารลงทีละน้อยจนถึงงดเสวย ร่างกายซูบผอม พระโลมา
( ขน ) มีรากเน่าหลุดออกมา แลเห็นพระอัฐิได้ชัดเจน ไปทั่วพระวรกาย
จะลุกขึ้นก็เซล้มลงไปแทบสิ้นพระชนม์ |
|
|
พระพุทธรูปปางทรงพระสุบิน
วัดปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา
พระหัตถ์ซ้ายทอดไปตามพระวรกาย พระพาหา ( ต้นแขน ) ขวาแนบกับพื้น
ยกหลังพระหัตถ์ขึ้นแนบพระหนุ ( คาง ) งอนิ้วพระหัตถ์แนบกับพระปราง
( แก้ม ) หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย เป็นกิริยาบรรทมหลับในลักษณะสีหไสยาสน์
ความเป็นมาของปางทรงพระสุบิน
|
ต่อมาพระบรมโพธิสัตว์ทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา
เพราะทรงเห็นว่ามิใช่หนทางแห่งพระโพธิญาณ ทรงเปลี่ยนมาใช้มัชฌิมาปฏิปทา
หรือ การปฏิบัติโดยทางสายกลาง จึงเสด็จออกบิณฑบาตดังเดิม
ปัญจวัคคีย์ ทั้ง ๕ เข้าใจว่า บัดนี้ พระบรมโพธิสัตว์ได้ละความเพียรแล้วหันมาบริโภคอาหารดังเดิม
ไหนเลยจะพบธรรมวิเศษได้ จึงพากันเดินทางจากไป พระบรมโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเพียรทางจิตมาจนถึงวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ขณะบรรทมทรงปัญจมหาสุบิน ( ฝัน ) เป็นบุพนิมิตรมหามงคล
๕ ประการ เมื่อตื่นบรรทมพระบรมโพธิสัตว์ทรงทำนายมหาสุบินนิมิตรด้วยพระองค์เอง
ทรงทราบว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงเบิกบานพระทัยเป็นอย่างยิ่ง |
|
|
พระพุทธรูปปางรับมธุปายาส
วัดปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ
( นั่ง ) ขัดสมาธิ แบพระหัตถ์ทั้งสองยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยารับถาดข้าวมธุปายาส
บางแบบอยู่ในพระอิริยาบถนั่งห้อยพระบาท
ความเป็นมาของปางรับมธุปายาส
|
เช้าวันเพ็ญวิสาขะ
หรือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ( ปีระกา ) อันเป็นวันครบรอบพระชนมายุ
๓๕ พรรษา ของพระบรมโพธิสัตว์ นางสุชาดา ธิดาของเศรษฐีผู้หนึ่ง
แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ได้นำถาดทองคำบรรจุข้าวมธุปายาส
มาแก้บนต่อรุกขเทวดาที่ต้นไทรใหญ่ ครั้นแลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับ
ณ โคนต้นไทร ทรงรัศมีออกจากพระวรกายแผ่ซ่านไปทั่วปริมณฑล
เข้าใจว่าเป็นรุกขเทวดา จึงนำข้าวมธุปายาสไปถวายพร้อมกับถาดทองคำ
พระองค์ทรงแบพระหัตถ์ทั้งสองออกรับถาดข้าวมธุปายาส |
|
|
พระพุทธรูปปางเสวยมธุปายาส
วัดปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ
( นั่ง ) ขัดสมาธิ ประคองถาดมธุปายาส
ความเป็นมาของปางเสวยมธุปายาส
|
เมื่อนางสุชาดาทูลลากลับไปแล้ว
พระบรมโพธิสัตว์เสด็จออกจากร่มไทร ทรงถือถาดข้ามธุปายาส
เสด็จไปยังริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา สรงพระวรกาย ( อาบน้ำ )
แล้วประทับริมฝั่งแม่น้ำ หันพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก ทรงแบ่งข้าวมธุปายาส
ออกเป็น ๔๙ ส่วน แล้วปั้นเป็นก้อน ๔๙ ก้อน แล้วเสวยจนหมด
ถือเป็นอาหารทิพย์ที่จะคุ้มได้ถึง ๔๙ วัน ในการเสวยวิมุตติสุขภายหลังการตรัสรู้ |
|
|
พระพุทธรูปปางเสี่ยงบารมีลอยถาด
วัดปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ
( นั่ง ) คุกพระชานุ ( เข่า ) ทั้งสองกับพื้น พระหัตถ์ซ้ายวางที่พระเพลา
( ตัก ) ข้างซ้าย เป็นอาการค้ำพระวรกายให้ตั้งมั่น ทอดพระเนตรลงต่ำ
พระหัตถ์ขวาอยู่ในพระอิริยาบถยื่นถาดไปข้างหน้า
ความเป็นมาของปางเสี่ยงบารมีลอยถาด
|
หลังจากที่พระบรมโพธิสัตว์เสวยข้าวมธุปายาสแล้ว
ทรงลอยถาดลงในแม่น้ำเนรัญชรา พร้อมกับทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า
"ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำ
แม้นว่าไม่ได้สำเร็จสมประสงค์ ขอให้ถาดลอยล่องไปตามกระแสน้ำ"
พุทธประวัติกล่าวว่า ถาดนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป จนถึงวังน้ำวนแห่งหนึ่ง
จึงจมลงสู่นาคพิภพ ไปกระทบกับถาดสามใบของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตสามพระองค์พญานาคราชซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในนาคพิภพได้ยินเสียงถาดกระทบกัน
จึงทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้นในโลกมนุษย์อีกพระองค์หนึ่งแล้ว
( ในกัปปัจจุบัน หรือที่เรียกว่าภัทรกัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๕ พระองค์ เจ้าชายสิทธัตถะ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่
๔ ทรงพระนามว่า "พระสมณโคดมพุทธเจ้า" ) |
ข้อมูล/ภาพ
: หนังสือปางพระพุทธรูป หัวข้อธรรมในคำกลอน โดย ระพีพรรณ
ใจภักดี |
|