|
|
พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ
( นั่ง ) บนก้อนศิลา พระบาททั้งสองวางอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายขวาวางคว่ำบนพระชานุ
( เข่า ) พระหัตถ์ขวาวางหงายบนพระชานุนิยมสร้างช้างหมอบใช้งวงจับกระบอกน้ำ
อีกด้านหนึ่งมีลิงถือรวงผึ้งถวาย
ความเป็นมาของปางปาลิไลยก์
|
ครั้งหนึ่งพระภิกษุในวัดโฆสิตาราม
กรุงโกสัมพี ทะเลาะวิวาทกัน ประพฤติตนเป็นผู้ว่านอนสอนยาก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระอาพระทัยจึงเสด็จไปจำพรรษาอยู่ในป่าแถบหมู่บ้านปาลิเลยยกะ
โดยมีพญาช้าปาลิเลยยกะและลิงตัวหนึ่งเป็นอุปัฏฐาก ครั้นออกพรรษา
พระอานนท์พร้อมด้วยคณะพระภิกษุได้มากราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ให้เสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร
หลังจากพระพุทธองค์เสด็จกลับ พญาช้างเสียใจล้มลงขาดใจตาย
บรรดาพระภิกษุผู้ว่ายากเมื่อทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จกลับมายังพระเชตวันมหาวิหาร
ก็รีบเดินทางมาเข้าเฝ้าเพื่อแสดงความสำนึกผิด |
|
|
พระพุทธรูปปางแสดงโอฬาริกนิมิต
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับ
( นั่ง ) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นป้องเหนือพระอุระ (
อก ) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ ( เข่า )
ความเป็นมาของปางแสดงโอฬาริกนิมิต
|
ในวันเพ็ญเดือน
๓ ( วันมาฆบูชา ) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปประทับที่ปาวาลเจดีย์
ทรงแสดงโอฬาริกนิมิต คือ ตรัสให้พระอานนท์ทราบว่าผู้ใดเจริญอิทธิบาทภาวนา
หรือ อิทธิบาท ๔ ได้สมบูรณ์แล้ว ผู้นั้นย่อมสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ถึงกัปหนึ่งหรือเกินกว่าได้ตามประสงค์
แม้พระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงนิมิตถึง ๓ หน แต่พระอานนท์ก็มิได้ทูลอาราธนาให้ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ตลอดกัปเพราะถูกมารดลใจ
พระพุทธองค์ทรงเคยแสดงนิมิตทำนองนี้ในสถานที่ต่าง ๆ ถึง
๑๖ ครั้ง ( อิทธิบาท ๔ ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
) |
|
|
พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู
วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงขวา
พระบาททั้งสองซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายแนบไปตามพระวรกาย
พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย ( หมอน ) รองรับ
บางแบบพระเขนยวางอยู่ใต้พระกัจฉะ ( รักแร้ )
ความเป็นมาของปางโปรดอสุรินทราหู
|
อสุรินทราหู อุปราชของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ผู้ครองอสูรพิภพ
ได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากเหล่าเทวดาทั้งหลาย
จึงมีความประสงค์จะฟังธรรมจากพระพุทธองค์ แต่คิดว่าพระพุทธองค์เป็นมนุษย์มีพระวรกายเล็ก
ตนมีร่างกายใหญ่หากไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมองด้วยความลำบาก
วันหนึ่งตัดสินใจไปเข้าเฝ้า พระพุทธองค์ทรงเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่กว่าขุนเขาและเสด็จสีหไสยาสน์
พระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย แม้พระบาททั้งสองข้างที่วางซ้อนกันอยู่ก็ยังสูงใหญ่กว่าอสุรินทราหู
อสุรินทราหูต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อชมพุทธลักษณะ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูขึ้นไปยังพรหมโลก
บรรดาพรหมทั้งหลายมีร่างกายเล็กกว่าพระพุทธองค์และต่างมองอสุรินทราหูเหมือนประหนึ่งมนุษย์จ้องมองมดปลวกตัวเล็กๆ
อสุรินทราหูบังเกิดความกลัวต้องหลบอยู่หลังพระพุทธองค์ นับแต่นั้นมาก็ลดทิฐิมานะ
เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาจึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง |
|
|
พระพุทธรูปปางโปรดอาฬวกยักษ์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร
จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับ ( นั่ง
) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายอยู่บนพระเพลา ( ตัก ) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ
( อก ) จีบนิ้วพระหัตถ์ เป็นกิริยาทรงแสดงธรรม บางแบบพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระชานุ
( เข่า )
ความเป็นมาของปางโปรดอาฬวกยักษ์ี
|
ครั้งหนึ่งเจ้าผู้ครองนครอาฬวี
ชอบล่าสัตว์เป็นกิจวัตร วันหนึ่งพลัดหลงเข้าไปพักใต้ต้นไทรซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของอาฬวกยักษ์
ถูกยักษ์จับไว้เพื่อกินเป็นอาหาร จึงขอให้ปล่อยตัวกลับและสัญญาจะส่งคนมาให้กินวันละหนึ่งคน
เมื่อนักโทษหมดก็ส่งเด็กให้วันละคน ต่อมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณ
จึงได้เสด็จไปยังที่อยู่ของอาฬวกยักษ์ แล้วแสดงธรรมโปรดจนอาฬวกยักษ์ได้ดวงตาเห็นธรรม
เป็นพระโสดาบัน |
|
|
พระพุทธรูปปางโปรดองคุลิมาลโจร
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืน
พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ
( อก ) นิ้วพระหัตถ์ตั้งตรง หันฝ่าพระหัตถ์ไปทางซ้าย
ความเป็นมาของปางโปรดองคุลิมาลโจร
|
อหิงสกกุมารบุตรพราหมณ์ปุโรหิตแห่งสาวัตถี
ได้ศึกษาสรรพวิชาอยู่ ณ สำนักทิศาปาโมกข์ เมืองตักศิลา ผู้เป็นอาจารย์ถูกยุยงว่า
อหิงสกะหมายล้มล้างตน จึงหาทางกำจัดโดยยืมมือผู้อื่นฆ่า
และบอกว่าจะสอน "วิษณุมนต์" ให้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องหานิ้วมือมนุษย์จำนวนหนึ่งพันนิ้วจากหนึ่งพันคนมาบูชาครู
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระอนาคตังสญาณว่า อหิงสกะ
หรือ องคุลีมาลโจรหรือจอมโจรผู้มีนิ้วมือเป็นมาลัย กำลังจะทำกรรมหนัก
เพราะกำลังจะฆ่ามารดาจึงเสด็จไปขวางทาง องคุลีมาลโจรตะโกนว่า
"หยุดก่อนสมณะ" พระพุทธองค์ทรงรับสั่งว่า "เราหยุดแล้ว
แต่ท่านนั่นแหละยังไม่หยุด" พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมจนองคุลีมาลทูลขอบรรพชา
พระพุทธองค์จึงทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้องคุลีมาลได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหัต์ในกาลต่อมาี |
ข้อมูล/ภาพ
: หนังสือปางพระพุทธรูป หัวข้อธรรมในคำกลอน โดย ระพีพรรณ
ใจภักดี |
|