ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่จีรัง มีการเกิดขึ้นและดับไปอยู่ทุกขณะ เป็นอนิจจังแต่ความรวดเร็ว
และความต่อเนื่องกัน ของกระบวนการเกิดดับ ทำให้เกิดเป็นภาพมายาว่า เที่ยงแท้เช่นเปลว
เทียนและแสงไฟจากหลอดไฟฟ้า ต่างก็มีการเกิดดับเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างสม่ำเสมอ ถ้าคนเรา
สามารถจับกระบวนการเปลี่ยนแปลงในตัวเรา อย่างที่เกิดกับเปลวเทียนและแสงไฟได้ โดย
อาศัยเวทนา หรือความรู้สึกที่เกิดกับกายของเราเอง เราก็จะหลุดพ้นจากภาพลวงตาได้ แต่หาก
เราไม่อาจจับได้ทัน เพราะการเเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับกระแสไฟฟ้า
การจะหลุดพ้นออกจากภาพลวงตา ก็เป็นไปได้ยากยิ่ง
เราอาจจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาของสายน้ำไหลได้แต่เราจะเข้าใจ
ได้อย่างไร ว่าคนที่อาบน้ำอยู่ในแม่น้ำนั้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะเช่นกัน วิธีเดียวที่จะ
ทำลายภาพลวงตาได้ก็คือ เราจะต้องเรียนรู้ ที่จะสำรวจให้ลึกเข้าไปภายในตัวของเราเอง จน
พบกับความจริง เกี่ยวกับโครงสร้างทั้งทางกายและจิตของเราเอง สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ พระสิทธัตถะ
โคตมะ ได้ทรงกระทำ และทำให้ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ได้ทรงสลัดแนวความคิด
ดั้งเดิมทั้งหมด และทรงหันมาสำรวจภายในพระกายของ พระองค์เอง เพื่อค้นหาธรรมชาติอัน
แท้จริงของโครงสร้างทางร่างกายและจิตใจโดยเริ่มต้นตั้งแต่ ความเป็นจริงในระดับผิวเผินที่
เห็นได้ชัดเจน แล้วทะลุทะลวงลงไปยังระดับที่ ลึกที่สุด ซึ่งทำให้ทรงพบว่า โครงสร้างทาง
กายภาพทั้งหมด หรือโครงสร้าง ทางรูปทั้งหมด ล้วนแต่ประกอบขึ้นด้วยอนุปรมาณู ที่เรียก
ในภาษาบาลีว่า อัฐกลาปะ และแต่ละอนุปรมาณูนั้นประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ คือดิน น้ำ ลม ไฟ
และลักษณะย่อยของธาตุแต่ละธาตุนั้น ธาตุเหล่านี้จะเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของรูป หรือ
ร่างกาย ซึ่งตัวของมันเอง ก็เกิดและดับอยู่เสมอ อย่างรวดเร็วมาก เป็นล้านๆครั้งในเวลา ๑
วินาที ดังนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว วัตถุทุกชนิดในโลก ล้วนไม่มีตัวตน ไม่เป็น อะไรอื่น นอก
จากการเผาไหม้ และกระแสของการสั่นสะเทือนกระเพื่อมไหว นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ก็ได้
ยืนยันการค้นพบของพระพุทธองค์ ว่าเป็นความจริง และได้พิสูจน์โดยการทดลองให้เห็นว่า
สสารทั้งหมดในจักรวาล เกิด ขึ้นจากการรวมตัวของอนุปรมาณู ซึ่งมีการเกิดขึ้นและดับไป
อย่างรวดเร็วตลอดเวลา
แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ก็ยังไม่พ้นทุกข์ เพราะปัญญาของพวกเขาเกิด จาก
ความรู้ที่ได้มาจากเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้รู้จากประสบการณ์ภายในกายของตนเอง
อย่างเช่นพระพุทธองค์ หากผู้ใดได้พบสัจธรรมในความไม่เที่ยงของตนเองแล้ว ผู้นั้นจึงจะ
เริ่มหลุดพ้นจากความทุกข์