เราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร? ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนเป็นคนดี ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนเป็นคนชั่ว แต่ศาสนาพุทธสอนให้คนพ้นทุกข์ เราปฏิบัติกันเพื่อพ้นทุกข์ ศาสนาพุทธเราไม่ได้จบที่สติ แต่ศาสนาพุทธนั้นจบที่ปัญญา ปัจจุบัน เราเรียงกันผิดเป็น "ศีล สมาธิ ปัญญา" แต่จริง ๆ แล้วขึ้นต้นว่า ศีล ก่อนไม่ได้ เราต้องขึ้นว่า "สมาธิ ศีล ปัญญา" เพราะว่าถ้าเรามีสมาธิแล้ว ศีลจะเกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ต้องไปรักษาศีลเลยแม้แต่ข้อเดียว แล้วปัญญาก็จะเกิดขึ้นเองด้วย สุดท้ายก็คือการพ้นทุกข์นั่นเอง(การพ้นทุกข์ไม่ใช่ตาย แต่จิตตาย) แต่ว่ามันก็ขึ้นอยู๋กับบารมีที่สร้างมาด้วยนะครับ อย่าถามว่าปฏิบัติมาแล้วกี่ปี ต้องถามว่าปฏิบัติมาแล้วกี่ชาติมากกว่า เพราะว่าบางคนปฏิบัติธรรมมาทั้งชีวิต แต่ไม่พ้นทุกข์เสียที ผิดกับคนที่ปฏิบัติมาแค่ไม่กี่ชั่งโมง ไม่กี่วัน ก็สามารถพ้นทุกข์ได้เลยโดยไม่มีเยื่อใยอีก(อรหันต์) ปัจจุบันกรรมและกิเลสมันติดจรวดมาเลย เราจะมัวมาปฏิบัติอะไรที่มันไม่เกี่ยวกันกับการพ้นทุกข์อยู๋มันเสียเวลามาก ถ้าอยากพ้นทุกข์ทางตรงนั้นขอให้เข้าไปชมที่เว็บ www.sripai.com หรือโทรมาที่ผมโดยตรงก็ได้ที่ โทร.08-7617-6958 รับสายตลอดครับถ้าว่างนะครับ
..........................................
ความเขัาใจ คือความไม่เข้าใจ
ไม้ทุกต้น มีการงอกขึ้น ตั้งตรง ตั้งโค้ง บางมีแก่นหนา บางไม่มีแก่น บางล้มลุก บางยืนต้น
บางออกดอก บางดอกบาน บางร่วงโรย บางติดผล บางเม็ดลีบ
ละการทำความชั่วทั้งพวง ทำความดีให้ถึงที่สุด ทำจิตให้สะอาด
มั่นปัดกวาดบ้านให้สะอาด - ปัดกวาดใจให้บริสุทธิ
ผ้าสกปรกฝั่งในเนื้อผ้า ซักให้สะอาดด้วยผงซักผ้า-ใจมีทุกข์ซักให้สะอาดด้วยศีล
สี เล นะ สุ คะ ติง ยัน ติ
ีสี เล นะ โพ คะ สัม ปะ ธา
สี เล นะ นิพพุติง ยัน ติ ตัด สะ มา สี ลัง วิ โส ตะ เย?
1. อะไรที่ไม่เกี่ยวกับการพ้นทุกข์ขออย่าเสียเวลา
2. เราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร?
เป็นกระทู้ 2 กระทู้ จากเว็บ "ศรีไพรด็อทคอม"
ได้เข้าไปอ่านในเว็บแล้วก็เข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้ตั้งเว็บ
ก็น่าสรรเสริญที่ต้องการให้คนปฏิบัติกันให้พ้นทุกข์
การปฏิบัตินั้น ปฏิบัติอย่างไรก็ได้ ขออย่าให้เป็นการเบียดเบียนและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และเป็นการละชั่ว-ประพฤติดี - ทำจิตให้บริสุทธิ์ ก็ถือว่าทำตามหลักของศาสนาพุทธแล้ว
แต่ใครจะไปทางตรง ทางลัด ทางอ้อมนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จุดสุดท้ายก็คือจุดหมายเดียวกันคือ"อรหันต์"...ซึ่งเป็นจุดหมายที่ยากมาก...การสะสมบุญบารมีทั้งชาตินี้และอดีตชาติ ต้องเพียงพอ และเพียงพออย่างเดียวก็ยังไม่พอ ต้องเดินให้ถูกทางด้วย ถ้าบุญบารมีพอ แต่ยังแวะพักอยู่ ก็ถึงช้าอีกนั่นแหละ
ท่านอาราฬดาบส กับ ท่านอุทกดาบส เป็นอาจารย์ที่สอนสมาธิให้แก่เจ้าชายสิทธัตถะ
เจ้าชายทรงศึกษาจนแคล่วคล่องชำนาญ จนอาจารย์ทั้งสองหมดภูมิธรรมที่จะสอน เจ้าชายจึงลาจากไปค้นหาทางพ้นทุกข์ จนกระทั่งสำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ทรงสงสารอาจารย์ทั้งสองที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิด จึงจะไปสอนอาจารย์ทั้งสอง พระพุทธองค์ทรงเล็งญาณไปที่อาจารย์ทั้งสอง ก็ทรงทราบว่า อาจารย์ทั้งสองท่านได้เสียชีวิตแล้ว พระองค์ทรงอุทานว่า "ฉิบหายเสียแล้ว" เพราะอาจารย์ทั้งสองบำเพ็ญตะบะอันแก่กล้า ได้ไปจุตติในชั้นพรหม แต่เป็นพรหมลูกฟัก คืออยู่เสวยสุขอย่างนั้นชั่วกาลนาน ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แม้พระศรีอาริยเมไตรย์มาปรพกาศพระพุทธศาสนา อาจารย์ทั้งสองก็ยังไม่ลงมาเกิด
....บุญของอาจารย์นั้นเต็มแล้ว ถ้าได้ฟังธรรมะจากเราเพียงครั้งเดียว อาจารย์ทั้งสองก็จะบรรลุมรรคผลทันที.....
นี่..หมายถึงบุญกุศลที่เราทำมา ถึงแม้จะได้เต็มแล้ว แต่ถ้าเรายังเดินไม่ถูกทาง เราก็ยังไม่ถึงจุดมุ่งหมายอยู่ดี เป็นอุทาหรณ์ที่ทำให้กระผมต้องสังวรณ์ในจิตของตนเองเสมอมา
กระผมขอตอบเป็นตอนๆ เพื่อไม่ให้คนอ่านรู้สึกเบื่อ
การใช้จิตรักษากาย เป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าโรคนั้นจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน เราก็สามารถใช้จิตรักษากายได้ ตามคำกล่าวที่ว่า "จิตเป็นนาย..กายเป็นบ่าว" จิตดี..กายดี จิตเสีย...กายเสีย
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำได้ทุกคน ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของคนนั้นที่สะสมมาแต่อดีตชาติ เราไม่สามารถช่วยเขาได้ เขาต้องรักษาตัวด้วยจิตของเขาเอง ตัวกระผมเองเป็นหมอโบราณ รักษาอัมพาต-กระดูกทับเส้น เคยรักษาคนเป็นอัมพฤกษ์ เขาเป็นเมื่ออายุได้ 15 ปี อาการสั่นไปหมดทั้งตัว ช่วยตัวเองไม่ได้ เดินได้ยากมาก กินข้าวเองไม่ได้ กินน้ำเองไม่ได้ เพราะมือสั่นจนไม่สามารถบังคับมือได้ แม่ต้องปรนนิบัติลูกชายคนนี้เหมือนกับเป็นลูกเล็กๆคนหนึ่ง พออายุได้ 20 ปี จึงสืบทราบมาถึงกระผม กระผมเห็นอาการคนป่วยแล้วก็อุทานว่า โอ้โฮ...โรคระบบประสาทอย่างแรง คนป่วยถามกระผมว่า คุณหมอรักษาได้หรือไม่ กระผมก็ตอบว่า จะว่าได้ก็ได้...จะว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ คนป่วยงง พูดต่อไปว่า ทำไมคุณหมอพูดอย่างนี้ กระผมก็บอกว่า คำพูดนี้ตรงที่สุด เพราะการรักษาจะได้หรือไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่ตัวหมอ อยู่ที่ตัวคนป่วยเอง ถ้าปฏิบัติตามที่แนะนำได้ อย่างไว 3 คืน อย่างช้า 7 คืน ถ้าเกิน 7 คืน ให้รอชาติหน้า แล้วก็แนะนำให้เขาปฏิบัติโดยวิธีแยกกาย ซึ่งกระผมได้เคยปฏิบัติรักษาตัวเองสำเร็จมาแล้ว จึงนำมาแนะนำให้คนป่วยกระทำตาม สามารถช่วยเหลือคนได้บางคนเท่านั้น เพราะคนส่วนใหญ่จะปฏิบัติไม่ได้
ชายหนุ่มคนนี้สามารถหายเป็นปกติได้ภายในสามคืน เช้าวันที่สี่เป็นปกติทุกอย่าง เดี๋ยวนี้เลยบวชไม่สึก เป็นสมภารวัดอยู่ที่อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กระผมก็ยังถือวิสาสะ พูดให้เขาเข้าใจว่า การที่ครูบาอาจารย์จะสร้างวัดได้นั้น ครูบาอาจารย์ท่านปฏิบัติจนสำเร็จก่อน จึงสร้างวัด เราเป็นใคร การสร้างวัดก่อนปฏิบัติสำเร็จ ก็คือการผูกมัดตัวเองไว้ จะไม่สามารถปฏิบัติสำเร็จได้
การปฏิบัติต่างๆ เป็นเรื่องเฉพาะตน ที่จะพัฒนาตนให้เป็นคนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีประโยชน์ เริ่มต้นใหม่ก็ต้องการการแนะนำจากผู้อื่น เมื่อปฏิบัติไปได้ระยะหนึ่งรู้แนวทางที่ดีแล้ว ก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง
เพื่อไม่ให้เกิด ความขัดข้องใจ ทำอะไรก็ไม่ติดขัด เนื่องจากไม่เข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ รอบข้าง หรือที่เรียกกันว่า ธรรมชาติ
แนะนำให้เขาปฏิบัติโดยวิธีแยกกาย ซึ่งกระผมได้เคยปฏิบัติรักษาตัวเองสำเร็จมาแล้ว
.......................
ขอถาม คห. 4 มีวิธีแยกกายอย่างไรคับ