ปลูกปัญญาธรรม ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้คู่ความดี
“บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น” ...พุทธสุภาษิต
สังคมก็เช่นกัน หากเราต้องการให้สังคมเป็นเช่นไร เราก็ควรปลูกเมล็ดพันธุ์ในสังคม เพื่อให้เป็นไปเช่นนั้น
แม้สังคมจะเจริญเติบโตไปมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ประคับประคองให้คนในสังคมอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็คือคุณธรรม
ดังนั้น การปลูกฝังความรู้ทางวิชาการให้กับลูกหลานหรือเยาวชนของชาติอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่ยังต้องให้ควบคู่ไปกับการปลูกฝังจิตสำนึกของความดี คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย เมื่อเติบโตขึ้น เขาก็จะซึมซับสิ่งที่ถูกปลูกฝังไว้แต่เล็กแต่น้อย แล้วนำออกมาใช้ขยายผล
ดั่งพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2504) ที่ว่า...
“การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัวและหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดี แต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์”
ภาพหนึ่งที่เห็นเจนตาในวันนี้ ก็คือภาพของพ่อแม่ผู้ปกครองพาลูกหลานไปเรียนพิเศษ กวดวิชา แต่ภาพที่เห็นได้น้อยมากคือ พ่อแม่ผู้ปกครองพาลูกหลานไปปฏิบัติกิจตามคำสอนของศาสนาที่ตนนับถือ เช่น เข้าโบสถ์วันอาทิตย์ เข้าเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
ด้วยคำสอนของแต่ละศาสนามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยมีทางปฏิบัติที่นำไปสู่การสร้างความดีจนเป็นนิสัยติดตัว ดังนั้น การให้ลูกหลานได้ใกล้ชิดกับศาสนาจึงเป็นการปลูกฝังการสร้างความดี มีคุณธรรมได้โดยไม่ยากเย็นนัก
กิจกรรมที่ปลูกฝังการสร้างคุณธรรมในใจให้กับเยาวชนมีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่เห็นได้บ่อย ๆ อย่างหนึ่งก็คือ การบวชเนกขัมมะบารมี ซึ่งก็คือการเข้าปฏิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว ซึ่งทำได้ทั้งหญิงและชาย และการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนสำหรับเด็กผู้ชาย ซึ่งการบวชเหล่านี้จะช่วยฝึกเด็ก ๆ ให้มีสมาธิ ปลูกจิตสำนึกในการสร้างความดี ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ให้รู้จักความกตัญญูกตเวที ไม่ใช่เพียงต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ แต่กับสรรพสิ่งรอบกาย โดยเป็นการปลูกฝังความรักความเมตตาไว้ในตัวเด็ก
อย่างกิจกรรม สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 7 (จัดโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น) ที่เพิ่งจบไป ซึ่งจัดภายใต้แนวคิด “ความรักจักรวาล: รัก-เรียน-เพียร-ให้” ก็ปลูกฝังความรู้คู่คุณธรรมในตัวเยาวชน หลัก ๆ ก็คือให้รู้จักความรัก หรือก็คือความเมตตาตามหลักคำสอนทางศาสนา ที่จะนำมาซึ่งมิตรภาพ ความสงบสุข และสิ่งดีงามอื่น ๆ ที่จะขจรขจายไปทั่วเขตคาม (จักรวาล) ที่อยู่อาศัย เป็นต้น
การปลูกฝังค่านิยมความดี ความมีศีลธรรมให้เป็นเชื้อหรือเป็นภูมิคุ้มกันติดตัวเด็กไว้ ก็เหมือนกับหยอดเมล็ดพันธุ์ลงดิน เมื่อเจอน้ำเจอฝน เมล็ดพันธุ์ก็จะเติบโตงอกงาม ความดีที่เราปลูกฝังไว้กับเด็ก ก็จะเป็นเชื้อดีเป็นภูมิคุ้มกันที่ติดอยู่ในใจเขา เมื่อถึงเวลาก็จะถูกดึงออกมาใช้ หรือแสดงตนออกมาเอง
ร่วมปลูกความรัก ปลูกความรู้ ปลูกคุณธรรม ปลูกความดี ไว้ในใจของลูกหลานเราในทุก ๆ วัน
**************************