จริต คือ อะไร


จริต คือ อะไร

แนวคิดเกี่ยวกับ จริต ซึ่งเป็นทฤษฏีบุคลิกภาพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีการใช้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมานานกว่า 2,500 ปี ปรากฏหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฏก คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และเรื่องราวในพุทธประวัติหลายเหตุการณ์ ซึ่งเรื่องของจริตนั้นสังเคราะห์จากแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณาจำแนกบุคคล เพื่อเลือกกิจกรรมในการพัฒนาปัญญาให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ซึ่งทำให้การพัฒนาปัญญาดำเนินไปอย่างได้ผลรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูง

จีรังจริต 6 คือ ทฤษฎีบุคลิกภาพตามแนวพุทธปรัชญา ซึ่งพัฒนาประยุกต์ขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในวงกว้าง เพื่อสร้างเสริม โลกิยปัญญา (รู้แจ้งรู้จริงในความรู้ทางโลก) และโลกุตตรปัญญา (รู้แจ้งเห็นจริงในทางธรรม) โดยมีการพัฒนาโปรแกรมแบบสำรวจที่มีมาตรฐานและความเที่ยงตรงสูงเป็นเครื่องมือในการวัดบุคลิกภาพ


จริต คือ ลักษณะนิสัยพื้นฐานที่ประพฤติปฏิบัติ เป็นพฤติกรรมตามสภาพของจิตใจอันเป็นปกติของบุคคลนั้น โดยแบ่งออกเป็น 6 แบบ คือ

1. ราคจริต (คุณรักงาม) มีลักษณะเป็นคนสุนทรีย์ในอารมณ์ รักสวยรักงาม พูดจาอ่อนหวาน สะอาด ประณีต
2. โทสจริต (คุณเก่งเกณฑ์) มีลักษณะเป็นคนจริงจัง เจ้าระเบียบ ใจร้อน โมโหง่าย ชอบชี้นำ พูดดัง เดินเร็ว
3. โมหจริต (คุณฝันซึ้ง) มีลักษณะเป็นคนชอบคิดฝัน ชอบสะสม ยิ้มง่าย พูดไม่เก่ง ไม่ค่อยมั่นใจตนเอง เชื่อคนง่าย
4. วิตกจริต (คุณสลับใจ) มีลักษณะเป็นคนชอบคิดการณ์ไกล แต่เปลี่ยนใจบ่อย หน้าตาไม่ค่อยสดชื่น พูดเก่ง ละเอียดลออ
5. ศรัทธาจริต (คุณเลิศหลง) มีลักษณะเป็นคนนับถือตนเอง เสียสละ มีหลักการ มีศรัทธาแรงกล้าในสิ่งที่เชื่อถือ
6. พุทธิจริต (คุณปัญตา) มีลักษณะเป็นคนมีไหวพริบ จดจำเรียนรู้ได้ดี มีปัญญาดี ประนีประนอม สุภาพ มีเมตตาสูง

เป็นธรรมชาติของบุคลิกภาพแต่ละคนที่จะมีจริตผสมอยู่ทุกแบบแต่สัดส่วนแตกต่างกันไป แต่มักจะมีจริตเด่นในสัดส่วนที่สูงอยู่ 1-2 แบบในคน ๆ เดียวกัน โดยทฤษฏีตามแนวพุทธปรัชญาเชื่อว่า เหตุที่คนเรามีจริตแตกต่างกันเกิดจาก “กรรมในอดีต” และสัดส่วนองค์ประกอบของ “ธาตุทั้ง 4” ภายในร่างกายของแต่ละคน


รู้จริตแล้วได้ประโยชน์อะไร ?

ความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะด้านการศึกษา การงาน ครอบครัว หรือด้านอื่น ๆ มีปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญที่สุด คือ ความสามารถในการทำหน้าที่และมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น จะต้องเข้าใจธรรมชาติของตนเองและผู้อื่นเป็นอย่างดี ว่ามีลักษณะนิสัยพื้นฐานเป็นอย่างไร รู้ข้อดีและข้อจำกัดของกันและกัน เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในบทบาทของแต่ละคน ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในองค์กรและสังคมประเทศ่ชาติ ซึ่งองค์ความรู้ด้านจริตนั้น จะช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของตนเองและผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง เพราะเป็นบุคลิกภาพพื้นฐานตามที่เป็นจริงในปัจจุบัน

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการรู้จริตนั้น คือ ประโยชน์ด้านการพัฒนาตนเอง ทั้งในด้านการพัฒนาศักยภาพเพื่อการประกอบอาชีพ และการพัฒนาด้านจิต (อารมณ์) และจิตวิญญาณ(ปัญญา) ซึ่งต้องอาศัยการฝึกปฏิบัติธรรมที่เหมาะสมกับจริต ถึงจะได้ผลดี การรู้จริตของตน ทำให้เกิดการรับรู้ว่าจะต้องพัฒนาตนเองอย่างไร มีสิ่งใดที่เหมาะสมอยู่แล้ว มีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของตนเอง และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข


ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่า “ตนเอง” จริตอะไร ?

การวิเคราะห์จริตของบุคคลนั้นทำได้ค่อนข้างยาก วิธีแรกเป็นวิธีดั้งเดิมต้องอาศัยผู้มีญาณหยั่งรู้เป็นผู้พิจารณา วิธีที่สองต้องใช้ชีวิตใกล้ชิดกับผู้มีความรู้ความชำนาญเรื่องจริตระยะเวลาหนึ่งแล้วให้ช่วยพิจารณาให้ โดยจะพิจารณาจากการทำงาน การเดิน การนอน การนุ่งห่ม การรับประทานอาหาร และปฏิกิริยาต่อสิ่งต่าง ๆ รอบกาย วิธีที่สามต้องศึกษาและวิเคราะห์ด้วยตนเอง ซึ่งทั้งสามวิธีนั้นเป็นวิธีที่ปฏิบัติได้ยากเนื่องจากข้อจำกัดด้านต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ สำนักฝึกอบรม จีรัง เฮลธ์ วิลเลจ จึงได้ทำการศึกษาวิจัยและพัฒนา แบบสำรวจบุคลิกภาพพื้นฐาน จีรังจริต 6 เพื่อใช้ประโยชน์ต่องานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้วิเคราะห์บุคลิกภาพบุคคลเพื่อออกแบบกิจกรรมเพื่อการพัฒนาให้มีความเหมาะสม ซึ่งจะทำให้มีประสิทธิภาพสูง เป็นประโยชน์ในการพัฒนาสร้างเสริมความรู้ด้านต่าง ๆ และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาปัญญา สามารถเลือกแนวทางการปฏิบัติธรรมได้อย่างเหมาะสมกับจริตของตน

ทดสอบจริตของคุณ? >> http://www.dhammathai.org/jarit6/index.php
   

8,432







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย