กรรมทั้งปวงของแต่ละคน
ย่อมเป็นไปตามอำนาจแห่งจิตใจ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร
อันการประกอบกระทำกรรมทั้งปวงของแต่ละคน
ย่อมเป็นไปตามอำนาจใจ
ดังที่ท่านกล่าวใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ
แต่ใจนั้นก็เป็นไปตามพลังสอง
พลังหนึ่งเป็นพลังของกิเลส โลภ โกรธ หลง
อีกหลังหนึ่งเป็นพลังของเหตุผล
พลังของกิเลสเป็นพลังที่ทำให้มืดมัว
เป็นความโฉดเขลาเบาปัญญา
พลังของเหตุผล เป็นพลังที่ทำให้แจ่มใสสว่าง
เป็นความมีปัญญาเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง
ถ้าใจตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลสมาก
ก็มืดมัวมาก เบาปัญญามาก
ถ้าใจมีพลังเหตุผลมาก
ก็มีความสว่างแจ่มใสมาก ปัญญามาก
สติที่เข้มแข็ง ตั้งมั่น สามารถชนะความคิดที่จะก่อกรรมไม่ดีได้
อย่างไรก็ตาม สติ มีความสำคัญที่สุด
สติมีหน้าที่ตัดสินว่าจะให้กิเลสชนะเหตุผล
หรือจะให้เหตุผลชนะกิเลส
ถ้าสติอ่อน ไม่ตั้งมั่นอยู่
ก็จะยอมให้กิเลสชนะเหตุผล
คือ กิเลสจะครองใจยิ่งกว่าเหตุผล
ชื่อว่าเชื่อกิเลสยิ่งกว่าเชื่อเหตุผล
ถ้าสติเข้มแข็งตั้งมั่นอยู่
ก็จะไม่ยอมให้กิเลสชนะเหตุผล
คือ เหตุผลจะครองใจยิ่งกว่ากิเลส
ชื่อว่าเชื่อเหตุผลยิ่งกว่ากิเลส
เป็นผู้ใช้เหตุผลยิ่งกว่าเป็นผู้ให้กิเลสใช้
(คัดลอกบางตอนมาจาก : อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม
พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
พระนิพนธ์เพื่อความสวัสดีแห่งชีวิต และพระคติธรรมเพื่อเป็นแสงส่องใจ
http://www.dharma-gateway.com)