เวรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด กรรมนั้นก็ไม่มีที่สิ้นที่สุด
เวรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด กรรมนั้นก็ไม่มีที่สิ้นที่สุด
อย่างพระพุทธเจ้าเกิดมาก็ต้องหลายกัปป์หลายกัลป์
กับพระเทวทัตนั่นเป็นเวรต่อกันไม่รู้แล้วรู้รอดสักที
พระองค์ก็พยายามทำดีทุกอย่าง
แต่ว่าพระเทวทัตไม่ละไม่ถอน
คอยที่จะทำเวรอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมาเกิดที่ทศชาติ
ก็ยังพยาบาททำกรรมทำเวรมาเกิดเป็นจันทกุมาร
นี่แหละเรื่องกรรมเรื่องเวรมันเป็นอย่างนี้แหละ
ยากที่สุดที่จะพ้นจากกรรมจากเวรได้น่ะ
เราไม่พ้นจากกรรมจากเวร
เราเกิดมาเพราะกรรม เพราะเวร จึงว่า
กมฺมโยนิ กรรมเป็นกำเนิดให้เกิดมา
กมฺมพนฺธุ มันติดพันเรามาตลอดเวลา
กมฺมปฏิสรณา เราอาศัยกรรมอยู่เดี๋ยวนี้
ทุกสิ่งทุกประการมันจะหมดสิ้นอย่างไรได้?
มันจะหมดสิ้นก็ต่อเมื่อสิ้นสังขารร่างกายนี้
พระพุทธเจ้าก็ดี สาวกทั้งหลายก็ดี
ท่านบำเพ็ญเพียรถึงที่สุดแล้ว
สังขารร่างกายนี้แตกดับ กรรมตามไม่ทันแล้วคราวนี้
กรรมอันนี้เรียกวิบากขันธ์
วิบากนี้ต้องตามทันอยู่ตลอดเวลา
ส่วนจิตนั้นตามไม่ทัน จิตใจของพระองค์หมดจดบริสุทธิ์
จิตใจของสาวกหมดจดบริสุทธิ์แล้ว
คราวนี้แหละกรรมตามไม่ทัน
กรรมที่ตามไม่ทันเพราะจิตใจหลุดพ้น
เพราะจิตปราศจากความกังวลเกี่ยวข้อง จิตที่เป็นหนึ่ง
อย่างที่เคยพูดให้ฟังว่า
จิตที่เป็นหนึ่ง ที่รู้เท่ารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเป็นนิจ
ไม่คิดถึงเรื่องอดีต อนาคต
ไม่คิดถึงเรื่องวุ่นวายสิ่งทั้งปวงหมด บริสุทธิ์อยู่คนเดียว
จิตอันอยู่คนเดียวนั้นไม่มีอะไรถูกต้อง
อะไรถูกต้องก็รู้เท่ารู้เรื่อง อันนั้นแหละเรียกจิตบริสุทธิ์
อันนั้นแหละจึงจะหลุดพ้นจากกรรมจากเวรได้
:: หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี