เมื่อพิจารณาว่าความกลัวเป็นสักแต่ว่าความกลัว ไม่หลงยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ความกลัวก็จะค่อยๆ จางไปเอง



"อาตมามักจะมีโอกาสสนทนากับคนกลัวผีอยู่บ่อยๆ แล้วก็มักจะถามคนเหล่านั้นว่าเคยเจอผีหลอกมาสักกี่ครั้ง เกือบจะทุกกรณี คนกลัวผีทั้งหลาย (ปกติมักจะเป็นเด็กๆ แต่ก็ไม่เสมอไป) จะนึกลังเลสักหน่อยแล้วตอบว่า “ไม่เคยเลย” อาตมาจึงถามต่อว่า “ตั้งแต่เกิดมาจนทุกวันนี้ อะไรที่สร้างทุกข์ให้เรามากกว่ากัน ผีหรือความกลัวผี” และอย่างที่ทุกคนคงเดาได้ คำตอบก็คือ “ความกลัวผี”

อาตมาจึงสอนว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็ควรทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ โดยดูเรื่องสำคัญที่สุดสองเรื่อง นั่นคือ ทุกข์และการดับทุกข์ ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ภูตผีปีศาจ แต่อยู่ที่ความกลัวผีต่างหาก เราควรหันมาดูว่าทำอย่างไร จึงจะเลิกกลัวผี”

ความกลัวถูกกระตุ้นด้วยการสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และคงอยู่ด้วยกระแสความคิดปรุงแต่ง ความทรงจำและการรับรู้ต่างๆ ตามปกติ เราไม่อาจต้านกระแสนั้นโดยลำพังระดับจิตใจได้ หากจะละความกลัว เราต้องหันมาใส่ใจอาการต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นทางกาย การสำรวจความรู้สึกทางกายเพื่อสังเกตรายละเอียดว่า แท้จริงแล้ว ความรู้สึกกลัวเป็นอย่างไรกันแน่ จะช่วยถอนความหมกมุ่นในอารมณ์ที่หล่อเลี้ยงความกลัวนั้น เมื่อพิจารณาว่าความกลัวเป็นสักแต่ว่าความกลัว ไม่หลงยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ความกลัวก็จะค่อยๆ จางไปเอง"

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

3,233







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย