การหมั่นระลึกถึงความเปราะบางไม่แน่ไม่นอนของชีวิตเป็นวิธีการอันเลิศที่จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรีบด่วนที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม


พระพุทธองค์มักทรงสรรเสริญการเจริญมรณสติ ทรงมีพระดำรัสว่ามรณสติอันเจริญให้ดีแล้วย่อมนำไปสู่ความไม่เกิดไม่ตายหรืออมตธรรม ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสถามพระภิกษุกลุ่มหนึ่งว่าพิจารณาความตายอย่างไร พระภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลว่า “ข้าพระองค์คิดเช่นนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ได้ตลอดคืนหนึ่งวันหนึ่ง เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ” พระพุทธองค์ทรงเห็นว่ายังไม่ดีพอ ทรงตำหนิว่ายังเป็นท่าทีอันเฉื่อยชาและประมาท

พระพุทธองค์ทรงพอพระทัยในคำตอบของพระภิกษุอีกสองรูปมากกว่า รูปหนึ่งกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์คิดเช่นนี้ว่า โอหนอเราพึงเป็นอยู่ชั่วขณะที่เคี้ยวข้าวคำหนึ่งกลืนกิน เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ” อีกรูปหนึ่งทูลตอบให้ยิ่งไปกว่าว่า “ข้าพระองค์คิดเช่นนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่หายใจเข้าแล้วหายใจออก หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ”

แม้จะตระหนักว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีค่ายิ่งที่ทำให้เรามีโอกาสปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์เพื่อมุ่งสู่ความหลุดพ้น การรักษาแรงจูงใจในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องก็ยังเป็นเรื่องยาก การหมั่นระลึกถึงความเปราะบางไม่แน่ไม่นอนของชีวิตเป็นวิธีการอันเลิศที่จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรีบด่วนที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม

พระพุทธองค์ทรงสรุปคำสอนด้วยคำชี้แนะดังนี้ “เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท จักเจริญมรณสติอย่างแรงกล้าเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แลฯ”

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ

3,171







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย