ค้นหาในเว็บไซต์ :
พระภัททิยะเถระ

ประวัติ : พระภัททิยะเถระ

    พระภัททิยะ เป็นพระโอรสของพระนางศากยกัญญา พระนามว่า กาฬีโคธาราชเทวี ในกรุงกบิลพัสดุ์ พระนามว่า ภัททิยราชกุมาร เมื่อเจริญเติบโตแล้วได้เสวยราชสมบัติสืบศากยวงศ์

    ครั้นต่อมาถูกอนุรุทธกุมาร ผู้เป็นพระสหายมาชักชวนให้ออกบวช ครั้งแรก ภัททิยราชกุมารไม่เต็มใจจะออกบวชด้วย ในที่สุดก็จำเป็นต้องยอมบวช จึงได้ทูลลาพระมารดา เพื่อสละราชสมบัติเสด็จออกไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่นุปิยนิคม แคว้นมัลละ พร้อมด้วยพระราชกุมาร ๕ พระองค์ คือ อนุรุทธะ,อานันทะ,ภคุ,กิมพิละ, และเทวทัต รวมทั้งอุบาลีผู้เป็นนายภูษามาลาเข้าด้วยจึงเป็น ๖ ได้ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย

     ครั้นพระภัททิยะได้อุปสมบทแล้วเป็นผู้ไม่ประมาทตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม ไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ภายในพรรษาที่บวช นั่นเอง

    เมื่อท่านได้บรรลุพระอรหัตตผลแล้วไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใด จะเป็นป่าช้า หรือร่มไม้ก็ดี หรือแม้กระทั่งที่ว่างจากเรือนแห่งอื่น ๆ ก็ดี มักเปล่งอุทานในที่นั้น ๆ เสมอว่า สุขหนอ ๆ ภิกษุทั้งหลายได้ยินได้ฟังเช่นนั้นแล้ว จึงได้นำความนั้นไปกราบทูลพระบรมศาสดาว่า ท่านพระภัททิยะอุทานอย่างนี้ คงไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ มัวนึกถึงราชสมบัติเป็นแน่

    พระบรมศาสดาจึงรับสั่งให้หา พระภัททิยะ มาแล้วตรัสถามว่า ภัททิยะ ได้ทราบว่า เธอเปล่งอุทานอย่างนั้นจริง หรือ ?

    จริงพระเจ้าข้า

    เธอมีความคิดเห็นอย่างไร จึงได้เปล่งอุทาน เช่นนั้น

    ท่านพระภัททิยะกราบทูลว่า เมื่อก่อนข้าพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ต้องจัดการรักษาป้องกันทั้งภายในและภายนอกวัง ทั้งภายในเมือง และนอกเมือง จนตลอดทั่วอาณาเขต ข้าพระองค์ แม้มีการอารักขาอย่างนี้ ก็ยังต้องหวาดสะดุ้ง กลัวภัยอยู่เป็นนิตย์ บัดนี้ ข้าพระองค์ถึงจะอยู่ในป่า หรือใต้ร่มไม้ หรือแม้จะอยู่ในที่ว่างจากเรือนแห่งอื่น ๆ ก็ไม่รู้สึกหวาดกลัว หรือสะดุ้ง มีขนไม่ลุกชูชัน เพราะความกลัวเป็นปกติ อาศัยอาหารที่ผู้อื่น ให้เลี้ยงชีวิต มีใจดุจมฤคเป็นอยู่ ข้าพระองค์มีความคิดเห็นอย่างนี้จึงเปล่งอุทาน อย่างนั้น

    พระบรมศาสดาทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว ทรงเปล่งอุทาน ชมเชยในเวลานั้น

     ท่านพระภัททิยะนั้น เป็นผู้เกิดในตระกูลสูง ทั้งท่านก็ได้เป็นกษัตริย์เสวยราชสมบัติแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังสละราชสมบัติออกบวช

    ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้เกิดในตระกูลสูง

ต่อมาครั้นท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย