"ธรรมโอสถ" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
"ธรรมโอสถ"
" .. เช้าวันรุ่งขึ้นพระอาจารย์ฝั้นออกไปบิณฑบาต กลับมาก็ฉันได้เพียงนิดหน่อย แต่ถึงกระนั้น "ท่านก็ยังตัดสินใจออกเดินธุดงค์ต่อ" จัดแจงเครื่องบริขาร "บ่าข้างหนึ่งสะพายบาตร บ่าอีกข้างหนึ่งแบกกลดออกเดินไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายอาพาธ"
ระหว่างทาง "ท่านได้พบสุนัขตัวหนึ่งกำลังแทะกระดูกอยู่" พอมันเห็นท่านก็วิ่งหนี แต่แล้วก็เลียบเคียงกลับมาแทะกระดูกต่อ "เป็นเช่นนี้ถึง ๓ ครั้ง ทันใด ท่านได้เกิด ธรรมสังเวช บังเกิดความสลดขึ้นในใจเป็นอย่างมาก"
จึงถามตนเองว่า "ขณะนี้เธอเป็นฆราวาสหรือพระกัมมัฏฐาน ถ้าเป็นฆราวาสก็เหมือนกับสุนัขแทะกระดูกนี่แหละ" กระดูกมีเนื้อหนังเมื่อไหร่อย่างมากก็กลืนลงคอไปได้แค่น้ำลายเท่านั้นเอง
แต่นี่เธอเป็นพระกัมมัฏฐาน "เท่าที่เธอภาวนาไม่สำเร็จมาถึง ๓ คืน ก็เพราะเธออยากสร้างโลกสร้างภพ" สร้างชาติ สร้างวัฏสงสาร ไม่มีสิ้นสุดแห่งความคิด อยากมีบ้าน มีเรือน มีไร่มีนา มีวัวมีควาย "อยากมีเมียมีลูก มีหลาน จะไปสร้างคุณงามความดีในที่ใดก็ไม่ได้" เพราะเป็นห่วงสมบัติและห่วงลูกห่วงเมีย
พร้อมกันนั้นพระอาจารย์ฝั้นก็กล่าว "ภาษิตขึ้นมาบทหนึ่ง" มีข้อความดังนี้ "ตัณหารักเมียเปรียบเหมือนเชือกผูกคอ ตัณหารักลูกรักหลานเปรียบเหมือนปอผูกศอก ตัณหารักวัตถุข้าวของต่าง ๆ เปรียบเหมือนปอผูกตีน"
สมบัติพัสถานต่าง ๆ ที่สร้างสมไว้ "เมื่อตายลงไม่เห็นมีใครหาบหามเอาไปได้เลยสักคนเดียวมีแต่คุณงามความดีกับความชั่วเท่านั้นที่ติดตัวไป" พระอาจารย์ฝั้นปลงด้วยว่า "ถ้าเธอเป็นพระกัมมัฏฐานไม่ควรคิดสร้างโลกวัฏฏสงสารเช่นนั้น ควรตั้งใจภาวนาให้รู้ให้เห็นในอรรถธรรม สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ทั้งสิ้น"
เมื่อกำหนดใจได้เช่นนั้น "ไข้หวัดก็ดี ข้อขัดข้องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างอาพาธก็ดีก็ปราศนาการไปสิ้น เกิดสติสัมปชัญญะ รู้อาการของจิตทุกลมหายใจเข้าออก" .. "
ชีวประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร