"อยู่ในน้ำ แต่ไม่เห็นน้ำ" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
"อยู่ในน้ำแต่ไม่เห็นน้ำ"
" .. ปลามันอยู่ในน้ำ มันไม่เห็นน้ำ อันนี้ก็จริง "อยู่ในน้ำแต่ไม่เห็นน้ำ" อันนี้เราอยู่กับกองธรรมอยู่กับพระไตรปิฏก ไม่ได้อ่านพระไตรปิฏก ถึงอ่านพระไตรปิฏกก็ไม่ได้เข้าใจในพระไตรปิฏก ในข้อความอันนั้น
"เราอยู่กับกองกาย กองรูป กองเวทนา กองสัญญา กองสังขาร กองวิญญาณและสวดด้วยเรียนด้วย แต่ไม่เห็น" พูดอยู่ สวดอยู่แต่ไม่เห็น "จึงเหมือนกับปลาดำอยู่ในน้ำแต่ไม่เห็นน้ำ ก็เหมือนพวกเราทั้งหลาย พูดธรรมะอยู่แต่ไม่เห็นธรรม" เพราะว่ามันมีอะไรปิดบังไว้โดยไม่รู้สึกตัวเอง
เช่น "การเรียนการสวดหรือการพูดมันเป็นอุบายให้เข้าไปเห็นธรรม ไม่ใช่ตัวธรรมะ" มันเป็นข้อความบันทึกธรรมะแค่นั้น "เราพากันเรียน พากันบ่นพากันสวดเป็นต้น สวดเรื่องธรรมะสวดข้อบันทึกธรรมะ ไม่ใช่ตัวธรรมะ"
อุปมาเหมือนกับ "พริกมันเผ็ด เกลือมันเค็ม" เราบอกว่าพริกมันเผ็ดอย่างนี้ ยังไม่เห็นความเผ็ดของมันยังไม่รู้จัก "คำที่ว่ามันเผ็ด มันเค็ม ไม่ใช่ตัวเผ็ด ตัวเค็ม"
"การอธิบายธรรมะให้ฟังก็เหมือนกัน" อันนี้ไม่ใช่ตัวธรรมะ เป็นคำพูดของบุคคล "เป็นอุบายให้เข้าไปเห็นธรรมะ" ตัวหนังสือ คำภีร์ต่าง ๆ ก็เหมือนกัน "เป็นข้อความบันทึกของธรรมะ ไม่ใช่ตัวธรรมะ"
อ่านได้ ท่องได้ แต่ใจยังไม่เป็นธรรมะ "พูดรู้เรื่อง ก็ยังไม่เป็นธรรม" ยังไม่เห็นธรรมะ "ตัวธรรมะจริง ๆ นั้นบอกกันไม่ได้ เอาให้กันไม่เป็น" .. "
"เหนือสิ่งอื่นใด" (หน้า ๕๐)
หลวงปู่ชา สุภัทโท