"ความเมตตากับศีล" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"ความเมตตากับศีล"
" .. "เมตตากับศีลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ" ยากจะแยกจากกันได้ "ผู้มีศีลก็คือผู้มีเมตตา ผู้มีเมตตาย่อมเป็นผู้มีศีล" ผู้ไม่มีศีลคือผู้ไม่มีเมตตา เพราะศีลคือความไม่เบียดเบียนด้วยประการทั้งปวง ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและไม่เบียดเบียนทั้งผู้อื่น
"ความไม่มีศีล .. เป็นความเบียดเบียนให้เกิดความทุกข์ ความเดือนร้อน ทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้อื่น" ซึ่งแม้เป็น
"ผู้มีเมตตาจะไม่อาจละเมิดศีลข้อที่ ๑ คือ" เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงรวมทั้งไม่อาจทำความทุกข์ทรมานให้เกิดแก่สัตว์
"ผู้มีเมตตาจะไม่อาจละเมิดศีลข้อที่ ๒ คือ" เว้นจากการถือเอาข้าวของที่เจ้าของไม่ยินดีอนุญาตให้ ของที่เจ้าของให้อย่างจำใจอย่างไม่ยินดี ผู้มีเมตตาก็จะต้องเว้น จะไม่ละเมิดศีลข้อนี้ เพราะการละเมิดนี้จะเป็นการก่อทุกข์ให้เกิดแก่ผู้เป็นเจ้าของ
"ผู้มีเมตตาจะไม่อาจละเมิดศีลข้อที่ ๓ คือ" เว้นจากการประพฤติผิดประเวณีในบุตรภริยาสามีผู้อื่น อันเป็นการก่อทุกข์
"ผู้มีเมตตาจะไม่อาจละเมิดศีลข้อที่ ๔ คือ" เว้นจากพูดให้เกิดความเข้าใจผิดจากความจริง อันจักก่อให้เกิดความเสียหาย ความเป็นทุกข์เดือนร้อนได้
"ผู้มีเมตตาจะไม่อาจละเมิดศีลข้อที่ ๕ คือ" เว้นจากสิ่งทำให้มีนเมา อันจักเป็นการก่อให้เกิดความเดือนร้อนวุ่นวายได้ต่าง ๆ .. "
"การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง"
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙