"บารมี อาสวะ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"บารมี อาสวะ"
" .. ความดีที่ประพฤติติดตัวนี้ "ก็เรียกว่าเป็นบารมีคือความดีที่เก็บไว้" อันตรงกันข้ามกับ กิเลสเครื่องเศร้าหมองที่เก็บไว้ "อันเรียกว่าอาสวะอนุสัยดังกล่าวนั้น"
เพราะฉะนั้น ทุกคนที่เป็นสามัญชนจึงมีอยู่ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย "ฝ่ายดีก็คือบารมี ฝ่ายร้ายก็คืออาสวะหรืออนุสัย ประจำอยู่ในจิตใจของตนเอง" และทั้งเมื่อได้มาปฏิบัติจิตตภาวนาการอบรมจิตที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งสอนไว้ "ก็เป็นการปฏิบัตินำจิตให้น้อมไปในทางดี" ให้ประทับอยู่ในทางดี หรือพูดอย่างง่าย ๆ ว่าติดอยู่ในทางดีมากขึ้นและดีนี้เองก็จะลดชั่วให้น้อยลง
"ในเมื่อน้อมไปในทางดีมากและเมื่อลดชั่วได้" หรือว่าเก็บฝ่ายดีได้ไปโดยลำดับก็จะทำให้เป็นกัลยาณชนคือคนดี "จนถึงเป็นอริยชนคือเป็นบุคคลที่เป็นพระอริยะ" หรือที่เรียกกันว่าผู้สำเร็จ เมื่อลดชั่วได้หมดสิ้นเรียกว่าถึงที่สุดดีถึงที่สุดชั่ว "ก็เป็นพระอรหันต์ ผู้เสร็จกิจในทางพระพุทธศาสนา" .. "
"ธรรมชาติของจิต"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4303