."ความวู่วามโผงผาง" (หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต)
.
"ความวู่วามโผงผาง"
.. วันหนึ่งหลวงปู่หล้าได้วิสัชนาขึ้นว่า ..
" .. อารมณ์วู่วามนั้น "หากบุคคลใดรู้ตัวก็ต้องถือว่าเป็นคนมีปัญญาแล้ว" และหากถ้ามันเห็นว่าไม่มีประโยชน์มันก็จะวางไปเอง แต่ถ้าหากเห็นว่ามีประโยชน์มันก็วางไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มันจะถึงกับฆ่าหรือตีเขาหรือไม่ ข้อนี้ก็เป็นส่วนที่จะต้องรู้อีก "ถ้ามันหมายจะฆ่าจะตีเขาก็ส่อแสดงให้เห็นว่ามันยังมีกิเลสมากอยู่" เรื่องนี้เราต้องพิจารณา
ใคร ๆ ในโลกนี้ก็เหมือนกัน "ถ้าหากเห็นว่าโลภ โกรธ หลง มันเป็นของอร่อยอยู่ มันก็ลดละไม่ได้" มันต้องไปสังเวยเป็นอาหารของกิเลสต่อไป "เรื่องความวู่วามโผงผางนี้" พระบรมศาสดากล่าวว่า เป็นตามนิสัยก็มี ..
- เพราะบางคนอุปมาเหมือน "น้ำใสกลางขุ่นขอบ" คือมารยาทไม่งามพูดจาโผงผาง แต่จิตใจเป็นธรรมอยู่
- บางคนเหมือน "น้ำใสทั้งขอบทั้งกลาง" หมายความว่าจิตใจก็เป็นธรรม มารยาทก็เป็นธรรม
- ส่วนบางคนที่เหมือน "น้ำขุ่นทั้งกลางทั้งขอบ" ก็หมายความว่าจิตใจก็ไม่เป็นธรรม คำพูดก็ไม่เป็นธรรม
เรื่องของธรรมะของพระพุทธศาสนา ความจริงแล้วเราควรจะต้องปฏิบัติให้ควบคู่กับอารมณ์ของเราไป ดีกว่าที่จะปล่อยให้อารมณ์ไหวไปทางอื่น ยกอุทาหรณ์ "คนเราจะสะอาดหรือไม่สะอาดขาดตัวก็ตาม แต่ก็ต้องได้อาบน้ำอยู่นั่นเอง" ถ้าไม่อาบน้ำก็ยิ่งไปใหญ่ เข้าสังคมใดๆ ก็ไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น "ถ้าเราไม่ประพฤติศีลประพฤติธรรมแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะมาล้างหัวจิตหัวใจให้สะอาดได้" .. "
"หลวงปู่สอนธรรม"
(หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14752