"พัวพันไปด้วยเวร" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า )
.
"พัวพันไปด้วยเวร"
"ปรฺทุกฺปธาเนน โย อตฺตโน สุขมิจฺจติ เวรสํสคฺคสํสฏฺโฐ วรา โส น ปริมจฺจาติ"
ผู้ใดต้องการสุขเพื่อตน ด้วยการก่อทุกข์ แก่ผู้อื่น ผู้นั้นชื่อว่า "พัวพันไปด้วยเวร"
" .. พระพุทธภาษิตที่อัญเชิญมาไว้เบื้องต้นที่มีความว่า "ผู้ใดต้องการสุขเพื่อตน ด้วยการก่อทุกข์แก่ผู้อื่น ผู้นั้นชื่อว่าพัวพันไปด้วยเวร" ความหมายของคำว่า "เวร" นั้น ในพจนานุกรรมบอกไว้ดังนี้คือ "ความพยาบาท ความปองร้าย บาป คำแสดงความรู้สึกเดือดร้อนเพราะกรรมหรือชะตากรรมของตน"
ดังนั้นความหมายในพระพุทธภาษิตบทนี้ก็คือ "อย่าต้องการให้ตนมีความสุข ด้วยการก่อทุกข์ให้ผู้อื่น" เพราะตนจะมีความสุขไม่ได้ การก่อทุกข์ให้ผู้อื่น "จะก่อให้ชีวิตตนต้องพบกับความพยาบาท ความปองร้าย บาป" ซึ่งทั้งหมดนี้คือเครื่องก่อทุกข์ทั้งสิ้น
คิดให้ดี ก็จะเห็นว่าเป็นความจริง "การก่อทุกข์ให้ผู้อื่นจะทำให้ผู้ก่อทุกข์นั้นมีความสุขหาไม่ได้" ผู้ที่ต้องการให้ตนเองเป็นสุขโดยก่อทุกข์ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดอย่างที่สุดที่ว่า การกระทำเช่นนั้นตนจะเป็นสุข ไม่สนใจขณะที่ผู้อื่นเป็นทุกข์
การต้องการให้ตนเองมีความสุข โดยก่อความทุกข์ให้ผู้อื่นก็คือ "ก่อเวรให้ตนเอง" นึกถึงคำว่า "เวร" บางที่จะเข้าใจชัดขึ้น อาจจะกลัวการก่อทุกข์ให้ผู้อื่นด้วยหวังความสุขแก่ตน โดยต้องย้อนคิดด้วยว่า "ความสุขที่ตนหวังจะได้รับเพราะการก่อทุกข์ให้ผู้อื่น ก็คือเวร" "เวร" นั่นเองที่จะเกิดแก่ตน ที่ตนหลงเข้าใจว่าเป็นความสุข
นึกไว้ให้มั่นใจก็จะเป็นเครื่องป้องกันการก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่นได้ดีพอสมควร เรากำลังก่อเวรไม่ใช่กำลังสร้างความสุขด้วยการก่อทุกข์แก่ผู้อื่น สร้างความทุกข์ให้แก่ใครเมื่อใด ก็ขอให้นึกไปพร้อมกันว่า "เรากำลัง ก่อเวร ก่อเวรให้แก่ตัวเอง"
ไม่ใช่ก่อความทุกข์ให้แก่ผู้อื่นเท่านั้น แต่ก่อเวรให้แก่ตนเองด้วย "ก่อทุกข์ให้แก่ใครหนักหนาเพียงใด ก็กำลังก่อเวรให้แก่ตนเองหนักหนาเพียงนั้น" หรืออาจจะมากกว่าทุกข์ที่ก่อให้แก่ผู้อื่นก็ได้ .. "
"แสงส่องใจ" ส.ค.ส. พุทธศักราช ๒๕๕๑
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=19872