"ด้วยความรักแม่" (หลวงปู่เจ๊ยะ จุนฺโท)
"ด้วยความรักแม่"
" .. สมุดบันทึกประวัติพระอาจารย์เจี๊ยะที่วัดเขาแก้วจารึกไว้ว่า ... "พระอาจารย์เจี๊ยะท่านไปรับใช้อุปัฏฐากหลวงปขาวแล้วเป็นเวลา ๒ ปี ท่านก็กลับมาจำพรรษาที่วัดเขาแก้ว เนื่องด้วยอาการปวยเกี่ยวกับโรคในลำไส้ของโยมมารดาที่เป็นเรื้อรังมานานนั้น ทำให้อาการทรงกับทรุดเท่านั้น"
ในบางคราวที่โยมมารดาอาการทุเลาพอทรงตัวได้ ท่านก็จะนำมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาแก้ว ท่านเล่าเรื่องโยมมารดาให้ฟังว่า "เราชวนโยมแม่ให้มาอยู่วัด" ตามไปง้อถึงบ้านเลย เราบอกว่า ..
"โยมแม่ ให้มาอยู่วัดสักพรรษาซิ"
โยมแม่บอกว่า "พรรษาหนึ่งไมได้หรอก"
"๒ เดือนได้มั้ย"
"ไม่ได้ แม่ปวยไม่ค่อยสบาย"
"งั้น ๑ เดือนได้มั้ย"
"ไม่ได้"
"ถ้าอย่างนั้น เอาเพียง ๑๐ วัน"
โยมแม่ตอบว่า "เออ! ... ถ้าอย่างนั้นไปได้"
เมื่อโยมแม่ท่านเช้ามาอยู่ที่วัด ท่านออกอุบายให้โยมแม่ทำกับข้าวถวายทุกวัน "แต่เรื่องธรรมะ ระหว่างพระอาจารย์เจี๊ยะกับโยมแม่ไม่ค่อยคุยกัน" เพราะโยมแม่ท่านไม่ชอบกิริยาของพระลูกชาย
บางทีโยมแม่ท่านก็พูดว่า "เรียบร้อยหน่อยซิลูก คนเขาจะว่าเอา เราบวชมาแล้ว แม่อายเขา คำว่า ไอ้ควาย ... เย็ดแม่ง มึง ... ไอ้ห่า ... ไอ้เหี้ย ... ไม่พูดไม่ได้เหรอ ... ลูก ยิ่งเวลาอาจารย์ถวิลมาหา ยิ่งพูดจนญาติโยมเขาหนี กันหมด แม่ก็รู้อยู่ว่าเป็นคนคอเดียวกัน พวกเดียวกัน บ้านเกิดเดียวกัน แต่แม่กลัวคนเขาจะว่าเอา แม่รู้อยู่ว่ากิริยาท่าทางเป็นอย่างงี้ แต่จิตใจดี ทำกายวาจาให้ดีด้วยไม่ได้หรือ ... ลูก?”
โยมแม่ท่านพูดอย่างนั้น ท่านก็นื่งไปพักหนึ่งท่านก็พูดว่า "โยมแม่ ... นิสัยนี้มันติดมาตั้งแต่ยังไม่เกิดโน่น มิใช่มันเพิ่งจะอุตริมาเป็นเอาตอนเกิดแล้ว จะให้แก้ยังไง ก็มันเป็นมาก่อนเกิด ถ้ามันเป็นหลังเกิด ก็พอแก้ได้อยู่ แต่นิสัยนี้มันติดมาในขันธสันดานเสียแล้ว แก้ไม่ได้หรอก"
เพราะปกตินิสัยโยมแม่ท่านชอบพระเรียบร้อย ส่วนพระอาจารย์เจี๊ยะชอบอิสระ โยมแม่จะไป โต้ตอบสู้อะไร ก็อายแทนลูกละซิ บางทีโยมแม่ของท่านก็อึดอัดจึงบ่นว่า "ลูกกูทำไมเป็นอย่างนี้วะ บวชเรียนแล้วไม่กลัวใครเลย พูดโพล่ง ๆ"
พระอาจารย์เจี๊ยะท่านเล่าว่า "เป็นเพราะนิสัยท่านเป็นอย่างนี้ จึงท่าให้ สอนโยมแม่ยาก" ท่านบอกว่า "ท่านไม่เก่งเหมือนท่านพระอาจารย์มหาบัว เอาแม่มาอยู่วัดด้วยได้"
พระอาจารย์เจี๊ยะจึงเล่าต่อว่า "เรานี่นะ รักโยมแม่มากกว่าโยมพ่อ เพราะเรากินนมแม่" โยมแม่อยู่ในใจเราตลอด ตอนเป็นเด็กๆ ท่าผิด บางทีโยมแม่เอาแส้ไล่หวด เราก็วิ่งไปหลบอยู่ในคลองน้ำ บางทีแม่ไล่ตีเราก็วิ่งหนีเข้าโรงฝิ่น ไปฟังเขาคุยกันในโรงฝิ่นสนุกดี แต่เราไม่ได้ไปสูบฝิ่น
โยมแม่เป็นคนเจ้าระเบียบเรียบร้อยใจดี "โยมแม่รักเรามาก" เพราะภายในใจท่านคิดเสมอว่า "จักให้เราดำรงวงศ์ตระกูลให้ยั่งยืน ปกครองทรัพย์สมบัติที่ท่านหามาไว้ได้ เมื่อท่านตายไปแล้ว" ก็หวังให้เราท่าบุญอุทิศส่วนกุศลให้
"โยมแม่มืลูกชาย ๓ คน หวังจะให้ลูกชายทั้งสาม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการงานทุกสิ่ง" แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะถึงพวกเราจะเกิดมาในท้องเดียวกันก็ตาม "จะให้เสมอเหมือนกันทุกสิ่งย่อมไม่ได้ เพราะแม้แต่ผิวพรรณและความประพฤติยังแตกต่างกันและความประพฤติยังแตกต่างกันแล้ว"
ยิ่งบุญกรรมที่ละเอียดยิ่งแตกต่างกันไปใหญ่ "ในบางครั้งเราเป็นเด็กทำความผิด โยมแม่รู้จับได้ ก็จะสั่งสอนตักเตือนในสิ่งที่ประพฤตผิดไปแล้ว" ท่านไม่ทอดทิ้งในเรื่องนั้น ๆ จะนำมาสั่งสอนเสมอ
"พ่อแม่นี้ท่านรักเราผู้เป็นลูก ในทำนองเดียวกันกับมือและเท้าของท่านเองที่เปรอะเปื่อนไป ด้วยของสกปรก เป็นสิงที่ควรชะล้างให้สะอาด" ถึงจะสกปรกมากเพียงไร "ก็ไม่ควรที่จะตัดมือเท้านั้นทิ้ง" เพราะจะทำให้ร่างกายตนเองเจ็บปวดและทรมานมาก "พ่อแม่รักลูกส่วนมากท่านก็ทะนุถนอมลูก เหมือนมือเท้าของท่านโดยทำนองนี้"
ในระหว่างที่พระอาจารย์เจี๊ยะพักจำพรรษาที่วัดเขาแก้ว "ท่านได้แสดงความเป็นผู้กตัญญกตเวที แก่ท่านผู้มีคุณจนสุดความสามารถ" ในที่สุดโยมมารดาท่านก็เสียชีวิตอายุ ๙๓ ปี วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๗
เมื่อโยมมารดาเสียชีวิต ท่านจัดพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ นิมนต์ท่านเจ้าคุณพระพรหม มุนี (วิชมัย ปุญถม่าราโม) วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์แสดงธรรม ในงานศพนั้นสหธรรมมิกฃอง ท่านคือ "พระอาจารย์เฟื่อง โชติโก พระอาจารย์ถวิล จิณฺณธมฺโม" มาช่วยเหลือจนตลอดงาน .. "
หลวงปู่เจ๊ยะ จุนฺโท
"พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง"