เก็บรักษาเสนาสนะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย : หลวงพ่ออินทร์ถวาย
เรื่องของเสนาสนะที่เขาถวายมาน่ะอันนี้เรียกว่า "เสนาสนะสงฆ์"
เป็นพวกโต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตั่ง เก้าอี้ และของใช้เรียกว่าเป็นครุภัณฑ์
ในครั้งพระพุทธเจ้ามีพระพวกฉัพพวัคคีย์ ฉัพวัคคีย์นะไม่ใช่ปัญญวัคคีย์
ฉัพพะ แปลว่า พวกหก พระพวกหกเป็นพระหนุ่ม
ไปที่ไหนเป็นว่าเอาของออกมาใช้แล้วทิ้งเกลื่อนกลาดแล้วไม่เก็บ
พระสงฆ์ทั้งหลายเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า
ภิกษุเอาของออกมาใช้แล้วไม่เก็บเข้าที่เดิม
พระพุทธเจ้าเรียกประชุมสงฆ์นะเพียงแค่นั้นนะ เรียกประชุมสงฆ์เลย
พอประชุมสงฆ์ถามว่า ใช่ไหม? ท่านเอาของออกมาใช้แล้วไม่เก็บเข้าที่เดิม
: ใช่พระเจ้าค่ะ
: ทำไม?
: เพราะเป็นของเล็กน้อย ของไม่มีวิญญาณ
แล้วก็คิดว่าทิ้งไว้ก็ไม่มีอะไร
: เธออย่าว่าเป็นของเล็กน้อย
เพราะว่าของที่เขาให้มานี่เป็น "น้ำใจ" ..ของใหญ่
ท่านอย่าไปคิดว่าเป็นของเล็กน้อย
ถึงจะเป็นของเล็กน้อยก็เถอะ ความชั่วเก็บเล็กผสมน้อย
เหมือนกับน้ำฝนหยดลงมาทีละหยดเท่านั้นแหละ
ลงมาตกใส่ตุ่ม ใส่โอ่ง ตกลงมาไม่หยุดไม่ถอย..
ก็เต็มตุ่มเต็มโอ่งได้เหมือนกัน
นี้ก็เหมือนกันน่ะ "ความชั่ว" ถึงจะไม่มากทีละน้อย
แต่ว่าเก็บไม่หยุด ทำอยู่เรื่อยๆก็ให้เป็นความชั่วที่พอกพูนได้
เพราะฉะนั้นท่านอย่ายินดีในการกระทำที่มันไม่ดี
ความชั่วน่ะ..ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
"ภิกษุใดก็ตามเอาเตียง ตั่ง เก้าอี้ ออกมาในที่แจ้งแล้ว
ไม่เก็บเข้าไว้ในที่เดิม..ต้องปาจิตตีย์"
ผิดศีลไปข้อหนึ่งแล้วทีนี้..ตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นมา..
พระพุทธเจ้าท่านละเอียดถี่ถ้วนขนาดนั้น
คือท่านให้เคารพสิทธิ ศรัทธาญาติโยมเขาถวายมา
พระสงฆ์ถ้าเอาออกมาใช้แล้วไม่รู้จักเก็บ
อย่างพวกเราไปก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าพระของเรา
ไปพักกุฏิหลังไหน พระท่านก็จัดเสนาสนะ
เสื่อ สาด หมอน กาน้ำ กระโถน อะไรให้เราได้ใช้
เมื่อเราใช้เสร็จแล้วเราจะหนีออกไปจากกุฏิหลังนั้น
สมมติว่าเรามานอนคืนนี้ล่ะ พระท่านจัดเรียบร้อยแล้วก็นอน
ทีนี้ก่อนเราจะออกไปเราต้องมอบเสนาสนะนะ
เออ..ผมขอคืนเสนาสนะนะ
มอบเสนาสนะอันไหนไม่เรียบร้อยก็ให้ดูนะ
มอบเสนาสนะสงฆ์ อันนี้ก็เหมือนกัน
สมัยก่อนพระสงฆ์เข้าไปพักที่กุฏิแล้ว เวลาไป..ไปเลย
แล้วก็ไม่มีใครดูแล ไม่มีใครเก็บเพราะไม่ได้มอบหมาย
พระสงฆ์ก็กราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตั้งเรียกประชุมสงฆ์อีก
"ภิกษุใดก็ตามเข้าไปพักกุฏิของสงฆ์แล้วเมื่อหลีกไป
ไม่จัดการทำเองและไม่มอบหมายให้องค์อื่นดูแล..ต้องปาจิตตีย์"
นี่แหละคณะศรัทธาญาติโยมลูกหลาน
พระพุทธเจ้าท่านละเอียดถี่ถ้วนขนาดนั้นล่ะ
ขนาด "หลวงตามหาบัว"น่ะ หลวงพ่อยังจำไม่ลืม
โอ..หลวงตาอายุแปด..จะถึงเก้าสิบอยู่แล้วนะ
ท่านไปทอดผ้าป่าที่วัดศาลาน้อย ท่านไปพักอยู่ที่นั่น
หลวงพ่อก็ไปพักอยู่ข้างล่าง พอเสร็จแล้วเราก็ขึ้นไปรับท่านที่กุฏิ
ตอนที่จะเลิกรา ก่อนที่ท่านจะกลับออกจากที่พักของท่าน
ตอนสายๆพอฉันจังหันแล้วนะท่านก็ขึ้นไปที่กุฏิของท่านเพื่อใช้ห้องน้ำ
เสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็เดินออกมา ออกมาท่านก็บอกกับพระนะ
"เอ้อ..เราพักเสนาสนะแล้ว ดูนะ ให้ดูเรียบร้อยนะ
เรามอบคืนเสนาสนะ ถ้าอันไหนไม่ดีก็เก็บให้เรียบร้อย
เก็บให้เข้าที่เข้าทางซะ เรามอบคืนเน้อเสนาสนะ"
หลวงพ่อได้ยิน หลวงพ่อยังประทับใจจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
เอ้อ..หลวงตา..อายุถึงขนาดนี้แล้ว
ท่านไปพักท่านยังคืนเสนาสนะถูกต้องตามวินัย
หลวงตาท่านเคร่งหรือว่าท่านรอบรู้ในวินัยจริงๆ
แต่ไปดูสิพระลูกพระหลานดู..มอบเสนาสนะคืนน่ะ
หลวงตาได้มอบอย่างนั้น หลวงพ่อได้ฟังแล้วยัง...โอ้ หลวงตา
หลวงตาของเรานี่ท่านเคร่งในวินัย ท่านเคารพในวินัยจริงๆ
เมื่อท่านออกมาแล้วจึงมอบคืนเสนาสนะแก่เจ้าของวัด
แต่ตามเป็นจริงเจ้าของวัดก็ดูอยู่แล้วกุฏิของครูบาจารย์..
แต่ว่าเป็น "สามีจิกรรม" สามีจิกรรม ก็คือ คำพูด
ที่มอบหมายให้เป็นกิจลักษณะขึ้น
คือ เป็นพระวินัย หรือเป็นกฏหมายของพระ
นี่แหละพวกเราไป ณ สถานที่ใด อยู่ ณ สถานที่ใด
อย่าไปทิ้งของเกลื่อนกลาด ของที่ได้มาทั้งหมด
ทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ของเรา..เป็นของศรัทธาญาติโยม
เขาถวายมา ก่อนที่เขาจะถวายมาเขาจบแล้วจบอีก
ถึงจะเป็นจตุปัจจัยก็เถอะ พอได้ปัจจัยมาแล้วก็ไปสั่ง
เอาของที่ตองการพวกถ้วยโถโอชาม ของใช้ต่างๆ
ศรัทธาญาติโยมเขาถวายเป็นปัจจัยมา
เราก็ให้ศรัทธาญาติโยมไปเอามาไปเปลี่ยนมา
แล้วมันก็เป็นของสงฆ์ จะแจกกันไม่ได้ ของอันนี้เป็นของส่วนกลาง
แต่พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น
หลวงตาหรือหลวงปู่หล้าท่านบอกว่า
หลวงปู่มั่นท่านให้เคารพ "ของกลาง,ของสงฆ์" นี่มากกว่า "ของส่วนตัว"
ของส่วนตัวจะเป็นมีดเป็นอะไรที่ของใช้ส่วนตัวน่ะ เป็นกรรมสิทธิ์ตัว
อันหนึ่งเป็นของกลางท่านให้เคารพของกลางมากกว่าของตัวเอง
ให้พิถีพิถันดูแลของส่วนกลางมากกว่าของตนเอง
ของตนเองน่ะมันเป็นของส่วนตัว แต่อันนั้นมันเป็นของสงฆ์
มันเป็นของกลางต้องใช้ร่วมกัน ถ้าตรงไหนไม่ดีก็ต้องมาจัดการให้มันดีขึ้น
...
พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก
วัดป่านาคำน้อย
บ้านนาคำน้อย ต.บ้านก้อง
อ.นายูง จ.อุดรธานี