ไม่ต้องให้เกิดปฏิภาค ..ให้เห็นตามเป็นจริงเลย : หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

 จำปาพร  

พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

...

สมมติว่า เราพิจารณาเฉพาะฟันของเรานี่ ของปฏิกูลโสโครก
เราต้องแปรงต้องนั้นทุกวี่ทุกวัน วันนึงตั้งหลายหนหลายครั้ง
ฟันนั้นของปฏิกูล มีมูลฟันเกรอะกรังอยู่นั่น แต่ว่าฟันมันก็มีประโยชน์
เคี้ยวอาหารแหลก..ให้แหลกแล้วจึงค่อยกลืนลงไป
เฉพาะฟันแห่งเดียว พิจารณาเฉพาะฟันแห่งเดียว
อาหารของที่เราเคี้ยวลงไปน่ะ คลุกเคล้าด้วยน้ำลาย
ถ้าไม่มีน้ำลายก็กลืนไม่ได้ มีน้ำลายคลุกเคล้าเข้า เคี้ยวจนมันแหลกเหลว
ถ้าหากในขณะนั้นเราคายออกมา แล้วไม่สามารถที่จะเอาเข้าปากได้อีก
อันนั้นก็แสดงว่าปฏิกูลแล้ว ของน่าเกลียดแล้ว
กลืนลงไปอยู่ในลำไส้แล้วยิ่งแล้วใหญ่ ไม่สามารถที่จะเอาออกมาได้
อยู่ในกระเพาะ เปื่อยเน่า ฯลฯ สิ่งสารพัดทุกอย่างที่มันย่อยลงไป
มันต้องไปตามประสาท ไปตามเส้นเลือด ให้ไปบำรุงร่างกาย ทุกชิ้นทุกส่วน
ตั้งแต่เส้นผมตลอดจนเท้า อวัยวะเข้าไปแห่งใดทุกชิ้นทุกส่วน
อาหารเข้าไปในที่เดียวนั่นแหละ มันจัดแจงแต่งเรื่องแต่งไปเองตามเรื่องของมัน
ไปหล่อเลี้ยงแล้วไม่ต้องไปฯให้มันหรอกเข้าถึงกระเพาะแล้ว

ส่วนเศษเหลือไหลไปตามลำไส้ ลำไส้ใหญ่ เป็นอุจจาระ ปัสสาวะ เป็นมูตร เป็นคูถ
ยิ่งสกปรกใหญ่ เหม็นก็แสนเหม็น น่าเกลียดสุดๆ พึงเกลียด น่าเกลียดน่ากลัวที่สุด
นั่นเป็นเฉพาะอันเดียวแค่นั้นแหละ เราไม่ต้องพิจารณาให้เกิดปฏิภาคดอก
ปฏิภาคมันคือเป็นนิมิต พิจารณาอสุภะนี้เดี๋ยวก็จิตรวมวูบลงไป
เกิดเปื่อยเน่าเละไปหมดเลยอันนั้นเป็นปฏิภาค เขาเรียกว่า ปฏิภาค

พิจารณาอย่างที่ว่านี่ไม่ต้องเกิดปฏิภาคให้มันยาก..เห็นชัดตามเป็นจริงเลย
ภายนอกเราก็เห็น ภายในเราก็เห็น เรียกว่า "ญาณทัสสนะ"
เห็นทั้งภายนอกภายใน ส่วนอื่นๆก็เหมือนกันค่อยพิจารณาเอง..
นั่นล่ะเรียก "ของปฏิกูล" มันจะมีดีที่ไหนคนเรา
พระพุทธเจ้าท่านเทศน์นักหนา
มีไท่สองปาก คือว่า กรอกลงไปทางปากแล้วก็ไหลออกไปทางทวาร
เรียกว่า ไท่สองปาก ไหลอยู่ตลอด นี่ล่ะทุกวันทุกวัน มีอะไรล่ะคนเรา
มีไท่สองปากเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรเลยหมดทั้งตัว มีดีอะไรคราวนี้

เราเห็นชัดอย่างนี้เห็นตามเป็นจริงนี้เรียกว่า เห็นของจริง
เห็นอันนี้เรียกว่า "เห็นด้วยสมาธิ" จิตแน่วแน่จึงค่อยลงค่อยเห็นลงได้
ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิ ไม่เห็น เห็นแต่ของสวยของงาม ของสกปรกมันไม่อยากเห็น
ถ้าจิตเป็นสมาธินะ..เห็นตามเป็นจริง ไม่มีสกปรกเลย เห็นตามเป็นจริงไม่มีสกปรก
มันเป็นอยู่อย่างนั้น นี่ว่าโลก...เห็นเป็นเรื่องโลกอันหนึ่ง เห็นเป็นเรื่องธรรมอย่างหนึ่ง
ถ้าจิตเป็นสมาธิแล้วเห็น "ธรรม" ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิแล้วเป็น "โลก"
เห็นของสดสวยงดงามไปทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่สวยก็ตกแต่งให้สวย
มันไม่งามก็ตกแต่งให้งาม แท้ที่จริงตัวของเรามันมีงามอะไรเล่า มันมีสวยอะไรเล่า
แต่เราเข้าใจว่ามันของสวยของงาม แล้วก็เขียนนั่นวาดนี่อะไรต่างๆตกแต่ง
วาดคิ้ววาดปากอะไรต่างๆไปตามเรื่องนั่นแหละ แต่งผี..ไม่มีดีอะไรหรอก

5,683







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย