"ทาน ศีล ภาวนา"อย่างเลิศของพระพุทธเจ้า : ท่านพ่อลี ธัมมธโร
พระอาจารย์ลี ธัมมธโร
วัดอโศการาม
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
แสดงพระธรรมเทศนาสรุปความของเทศน์มหาชาติ
ณ วัดปากคลองคู้ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๖
...
"สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ"
แปลว่า การให้ธรรมเป็นทานย่อมชำนะเสียซึ่งทานทั้งปวง"
ต่อไปนี้จะพากันตั้งใจฟังคุณานิสงส์ในการฟังเทศน์
เรื่องราวซึ่งจะยกมาแสดงในกัณฑ์นี้ คือ รวมยอดใจความ
ใน "เวสสันดรชาดก" ที่แสดงมาแล้วแต่ต้นจนจบนั้น
เรื่องของพระบรมโพธิสัตว์ซึ่งพวกเราได้ฟังกันมาแล้วนี้
บางคนก็อาจจะไม่เข้าใจในจุดประสงค์ของพระองค์
เพราะยืดยาวมาก แต่นักปราชญ์ผู้มีปัญญาคงเข้าใจความ คือ
๑.) พระองค์ทรงแสดงอานิสงส์ของการบำเพ็ญทาน
๒.) บำเพ็ญศีลพรต
๓.) บำเพ็ญภาวนา
นอกนั้นก็แสดงโดยอาการต่างๆ
อย่างที่หนึ่ง "มหาบริจาค" มุ่งเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ใช่ทานธรรมดาอย่างพวกเราและศีลของพระองค์
ก็ไม่เหมือนพวกเรา เป็น "มหาศีล"
"ภาวนา" ของพระองค์ก็เป็นอย่างเด็ดเดี่ยว
ความสำเร็จของพระองค์อาศัย "กุศล ๓ ประการ" นี้
จุดประสงค์ของพระองค์ ก็คือ
๑.) มุ่งช่วยสัตว์โลก
๒.) มุ่งช่วยพระประยูรญาติทั้งหลายให้ทำความดี
๓.) ให้เป็นพระอรหันตขีณาสพ
"การบำเพ็ญทานอย่างเลิศ ๕ อย่าง" เป็นของที่ทำได้ยาก
๑.) "ธนบริจาค" พระองค์บำเพ็ญทานพร้อมบริบูรณ์
ทั้งแก้วแหวนแสนสิ่งซึ่งเป็น มหาจริยา
๒.) "ปุตตบริจาค" คือ กัณหาชาลี
ซึ่งเป็นบุคคลที่รักที่สุดในชีวิตเพื่อตัดตัณหาราคะ
๓.) "ภริยาบริจาค" คือ มัทรี เพื่อฆ่ากิเลส
๔.) "อังคบริจาค" สละส่วนต่างๆของร่างกาย
๕.) "ชีวิตบริจาค" นั้นชีวิตของพระองค์เอง
นี้เป็นการแสดง "ทานขันธ์" ทั้งสิ้น บำเพ็ญทานการกุศล
ให้ผลแก่ผู้รับ จะได้ปราบเสียซึ่งความทุกขเวทนาของพวกเขา
พระองค์เองก็เสด็จไปอยู่ป่า การประทับอยู่ในป่า
เป็นสถานที่สงบสงัดจึงได้นามว่า "เวสสันดร"
การทำตนให้บริสุทธิ์ในเพศสมณะ เรียกว่า "บำเพ็ญศีล"
แม้พระองค์ก็จะต้องเสียสละทั้งชีวิตเป็นที่สุดเพื่อไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในโลก
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เพิ้อเตือนใจพวกเรา
ให้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์
เหมือนเม็ดน้ำฝนที่ตกลงมาใครจะด่าว่า
หรือทำร้ายก็ไม่โกรธทั้งสิ้น เรียกว่า "เจริญภาวนา"
ให้ใจบริสุทธิ์ สมบูรณ์
"บำเพ็ญทาน" เปรียบเหมือน "กินข้าว"
"บำเพ็ญศีล" เหมือนกับ "กินของหวาน"
บำเพ็ญภาวนา" เหมือนกับ "กินน้ำ"
อาหารของเราจึงจะซึมซาบร่างกายทุกส่วน
สมาทานศีล ๕ ศีล ๘ บ้าง ฟังธรรมบ้าง
เราทำนาทำสวนนั้นต่างกันกับกินข้าว
การเจริญภาวนาเรียกว่า "เก็บบุญมากิน"
ถ้าเราไม่เก็บมันก็จะเน่าเสียหมด
กินทันก็สำเร็จประโยชน์แก่ร่างกาย กินไม่ทันก็ต้องเสียไป
ถ้าไม่กลืนเข้าในหัวอก หัวใจมันก็ไม่อิ่ม
ตาได้เห็นครูอาจารย์ พระเจ้าพระสงฆ์
หูได้ฟังเทศน์ฟังธรรม จมูกได้กลิ่นธูปเทียนดอกไม้
ปากได้สวดมนต์ ใจได้เจริญเมตตาภาวนา
ทำอย่างนี้บุญก็จะไหลเข้าถึงดวงจิตดวงใจ
ต่อไปนี้ให้นั่งกลืนบุญเข้าไปในหัวใจอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร
เพื่อดำเนินตามพระเวสสันดร