งานเพียรละกิเลสไม่ใช่งานที่เหลือวิสัย : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
ไอ้ผู้ที่จะละกิเลสบาปอธรรมได้ต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่ในตัว
คอยระมัดระวังอยู่อย่างนั้น ถ้าหากว่ามันเหลือวิสัย มันเผลอ
กิเลสมันเกิดขึ้นมานี่นะ เราก็กำหนดละมันไปอย่างนี้นะ
เมื่อเรารู้ตัวมาแล้วเรากำหนดละมัน มันก็ไม่เหลือวิสัย
เพราะว่าใจไม่ชอบกับกิเลสอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อกำหนดละมัน มันก็ดับไปซิ ใจไม่รับเอาไว้
เรียกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันสำคัญที่จิตดวงเดียวนี้แหละ
มันยึดถือเอาไว้ มันถึงมีได้ ถ้าจิตไม่ยึดถือแล้วก็มีไม่ได้
เพราะฉะนั้นให้พึงพากันเข้าใจ
ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งเหลือวิสัยการทำความเพียรละกิเลสนี่น่ะ
ไม่เหลือวิสัย บุคคลสามารถที่จะทำความเพียรละมันได้
เพราะว่าแต่อย่างอื่นเรายังพากเพียรทำมัน
ให้มันเกิดมันมีขึ้นมาได้ เช่น อย่างการทำนาทำสวน
สร้างบ้านสร้างเรือนอะไรหมู่นี้นะ
มันต้องอาศัยความอดความเพียรทั้งนั้นทั้งสติปัญญา
ประกอบเข้าไปหลายอย่าง ก็จึงสามารถสร้างบ้านสร้างเรือนให้เป็นหลังอยู่ได้
ถ้าคนใดไม่มีความอดไม่มีความเพียร ขาดสติ ขาดปัญญาแล้ว
ก็สร้างบ้านเรือนเป็นที่อยู่อาศัยตนให้หรูหรามั่นคงไม่ได้
ก็จะได้อยู่เท่าแต่เรือนกระท่อมมุงด้วยหญ้าคาเสาไม้ไผ่ไปอย่างนั้นแหละ
เมื่อเรานึกถึงการกระทำภายนอกนั้นมาเป็นเครื่องสนับสนุนการทำความเพียร
อย่างนี้มันก็เป็นไปได้ เป็นกำลังใจได้เหมือนกัน
เมื่อนึกถึงการงานภายนอกยังสามารถทำได้
ฝนตกก็สู้ได้ แดดออกก็สู้ แล้วอย่างนี้เวลามาทำความเพียร
ละกิเลสตัณหาบาปอธรรมออกจากจิตใจนี้ทำไมจะทำไม่ได้
อันนี้มันยิ่งเป็นการงานที่สำคัญน่ะ
แล้วเป็นการงานที่มีผลดีต่อตัวของตัวเองมากมาย
เพราะเมื่อบุคคลใดมาละกิเลสบาปอธรรมให้หมดไปเท่าใด
ผู้นั้นก็มีความสุขมากขึ้นไปเท่านั้น ความทุกข์ใจไม่ค่อยมี...นี่อย่างนี้แหละ